โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สื่อสารให้ดูฉลาด ฉบับ ผศ.ดร.วรรณ์ขวัญ ครูขวัญแห่งบ้าน AF

TODAY

อัพเดต 28 สิงหาคม 2568 เวลา 5.50 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • workpointTODAY

หนึ่งในหัวใจของการ ‘ดีล’ ไม่ว่า ‘ดีล’ เรื่องของชีวิต หรือ ‘ดีล’ เรื่องการงาน-ธุรกิจก็คือ ‘การสื่อสาร’

เพราะการสื่อสารที่ทำให้ตัวเองดูดี ดูฉลาด ย่อมเป็น ‘แต้มต่อ’ ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

และการสื่อสารที่ดีก็เป็น ‘ศิลปะ’ ชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะ ‘ศิลปะการต่อรอง’ ที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์ และ ศิลป์

“ศิลปะการต่อรอง เป็น communication ที่สำคัญมากบนโลกใบนี้ ณ เวลานี้ ต้องเป็นการสร้างการเจรจาที่ได้ value ร่วมกัน มันก็กลับมาที่คนที่เราจะไปเจรจาด้วยว่าเขาอยากจะได้อะไรจากเรา”

“และเราห้ามคิดว่า ฟันฝ่าเพื่อจะชนะให้ได้ เพราะพอ win–loose คิดเหรอว่า ฝ่ายตรงข้ามที่ loose จะยอมรับความพ่ายแพ้ เดี๋ยวสักพักก็กลับมาใหม่ อันนี้ทุกระดับไม่ว่าประเทศ รัฐศาสตร์การเมือง หรือ ออฟฟิศ ระหว่างเพื่อนร่วมงาน”

“แต่ผู้ชนะอยู่ไม่ได้ ในโลกที่ทุกคนต้องการเป็นผู้ชนะ เราต้องทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเราชนะร่วมกัน แล้วอยู่ที่ศิลปะในการเจรจา แล้วเราห้ามเข้ามาในห้องเจรจาแล้วคิดว่าเราต้องชนะ เขาต้องยอมฉัน และเดินออกไปอย่างเป็นผู้ชนะ อันนั้นมีแต่ในละครน้ำเน่า แต่ในโลกความจริงไม่เน่า เพราะคนที่แพ้ ต้องมองหาว่าจะแก้แค้นอย่างไร”

ที่สำคัญ การสื่อสาร ทำให้คน ‘ฉลาด’ ได้

นี่คือความสำคัญของ ‘ศิลปะการสื่อสาร’ ฉบับของ ‘ผศ.ดร.วรรณ์ขวัญ พลจันทร์’ หรือ ‘อาจารย์ขวัญ’ ผู้ร่วมก่อตั้ง ARTiculate Thailand

อาจารย์ขวัญ คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทที่ Goldsmiths College, University of London และปริญญาเอกที่ School of Oriental and African Studies, University of London มีประสบการณ์ทั้งแวดวงการแสดง-อุตสาหกรรมบันเทิงกว่า 20 ปี แต่งานที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักอาจารย์ขวัญ คือ ชื่อเรียก ”ครูขวัญแห่งบ้าน AF“

[ นักสื่อสารที่ดีต้องมี creativity และความคิดเชิงวิพากษ์ ]

ขณะนี้ อาจารย์ขวัญ มาสร้างหลักสูตร ARTiculate Thailand หนึ่งในหลักสูตรของ วิทยาลัยนานาชาติมหิดล

“ขวัญมาสร้างหลักสูตรให้วิทยาลัยนานาชาติหลักสูตรเราคือ media and communication ภาษาไทยก็คือสื่อและการสื่อสาร”

“ตอนที่มาสร้างหลักสูตรนี้ก็โชคดีที่ว่าสร้างตอนที่มันกำลังเกิด digital disruption พอมาทีหลัง เราก็จะไม่อยากซ้ำในสิ่งที่มันมีอยู่แล้วในตลาด เราเน้นที่การสร้างคอนเทนต์ story telling ถ้าสมมุติเราสร้างมาแล้วหนึ่งคอนเทนต์ ถ้าจะเอาให้เวิร์คที่สุดมันต้อง generate ได้ 10 แพลตฟอร์ม ไม่อย่างนั้นมันเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาในการสร้างคอนเทนต์”

“เพราะฉะนั้นตอนพัฒนาหลักสูตร เราไม่ได้มานั่งแบ่งว่า นี่คือฟิล์มนะ นี่คือทีวีนะ นี้คือพีอาร์เพราะมันหลอมกันหมดแล้วเราก็เลยเปลี่ยนใหม่ เป็นแค่ creative content กับ digital journalism แล้วก็ integrated media ที่ซึ่งเหมือนพวก communication management ที่ทำดิจิทัลแคมเปญทั้งหลาย 3 อัน ก็ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ”

ในฐานะที่อาจารย์ขวัญ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร เธอชี้เคล็ดลับ ‘การสื่อสาร’ ให้ประสบความสำเร็จว่า คนที่มีพลังในการสื่อสารมากที่สุดคือคนที่เข้าใจ audience (ผู้รับสาร) มากที่สุด

เพราะทุกวันนี้ผู้รับสารมีอำนาจมากกว่าผู้ส่งสาร เพราะเขามีตัวเลือกว่าทำไมเขาต้องเลือกฟังเรา ข่าวก็ข่าวเดียวกัน เข้าไปฟังเล่าข่าวดีกว่าไหมใช่ไหม หรือว่าเค้าจะฟังการรายงานข่าวเชิงเจาะลึกเราจะเล่ายังไงที่เราได้ใจเขามากที่สุด

ถึงต้องกลับมาที่ ‘การวิเคราะห์คนดู’ ใช่ไหม และในขณะเดียวกันเวลาที่เราสื่อสารทุกคนจะคิดว่า ส่ง ส่ง ส่ง แต่นักสื่อสารที่ดีมันต้องมี creativity ต้องมีความคิดเชิงวิพากษ์แล้วมันต้องรู้ว่ามันจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่ต้องมานั่งรอคนบอกว่าต้องทำยังไง

[ ตัวอย่างผู้นำประเทศที่สื่อสารได้ดี สิงคโปร์ แคนาดา ]

เธอยก ‘ผู้นำประเทศ’ ที่สื่อสารเก่ง แม้หน้าตาดูเป็น ‘อาตี๋’ ธรรมดา อย่าง ‘ลอร์เรนซ์ หว่อง’ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์

มีหลายครั้งที่ ‘ลอวร์เรนซ์ หว่อง’ ทำคลิปสื่อสารกับชาวสิงคโปร์ ในท่วงท่าสบายๆ แต่เนื้อหาหนักแน่น ตั้งแต่เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับผิดชอบเรื่องโควิด-19 จนก้าวสู่การเป็นนายกฯ ที่ต้องสื่อสารกับชาวสิงคโปร์ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะช่วงที่โลกทั้งโลกตะลึกกับมาตรการภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ แม้ สิงคโปร์ ถูก สหรัฐอเมริกา เก็บภาษีพื้นฐานนำเข้าแค่ 10% ไม่เหมือนกับประเทศอื่นที่บวกภาษีนำเข้า

“ไวมาก ออกมาเลย โถ่…ทุกคนแทบร้องไห้ อยากเป็นคนสิงคโปร์เพราะเรารู้สึกว่า เออเนี่ย…คือลีดเดอร์ที่เราตามหาลีดเดอร์ที่เรารู้สึกว่าเมื่ออำนาจไปอยู่ในมือเขาเขาพาเราพ้นภัย”

“แล้วเขาไม่สื่อสารดีนะ ก็อาตี๋คนนึงเพลนเพลน แต่เวลาเราฟัง เขาคิดมาแล้ว เขาไม่ได้มาเพื่อกระตุ้นความรู้สึก เพื่อพวกเราต้องรักชาติ แบบนี้ไม่เวิร์ค แต่เราจะร่วมกันหาทางออกแปลว่าเราต้องตระหนักว่าเรามีปัญหาร่วมยังไง คืออย่ามาโลกสวยเพราะโลกสวยไม่ได้พาเมืองไทยไปไหนใช่ไหม”

“แต่พอเขาบอกว่าเฮ้ยพวกเราจะเจอปัญหานี้ร่วมกันนะ แต่มันจะต้องมีวิธีนะแล้วพวกเราจะหาวิธีร่วมกัน แต่อย่ามาอยู่แบบไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวนายกฯให้ทางออกได้ โลกมันไม่ได้อยู่ในมือผู้นำโลก แต่มันอยู่ในมือของคนทุกคน”

ส่วน ผู้นำ ‘คนโปรด’ ของอาจารย์ขวัญ คือ ‘จัสติน ทรูโด’ อดีตนายกรัฐมนตรีแคนนาดา

“ขวัญ จำไม่ได้ว่าวันที่เขาลาออก หรือวันที่เพิ่งเกิดเรื่องทรัมป์ นั่งดูเขาพูด แบบใช้ได้เลยคือ ก็รู้แล้วว่าหายนะกำลังมา แต่เขาก็มีวิธีที่ทำให้ทุกคน ต้องอยู่ให้ได้เมื่อหายนะกำลังมา และเราจะหาวิธีรู้อยู่ร่วมกันให้ได้อย่างไร”

“คือมันไม่ต้องมานั่งปัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ ก็มันเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องยอมรับว่าเรากำลังมีปัญหานะ แต่พวกเราไม่ทอดทิ้งกัน และพวกเราซึ่งคือ กลุ่มผู้นำและพยายามหาทางออกเรากำลังทำอะไรอยู่ ขอให้ทุกคนประจักษ์กับการเดินทางนี้ อย่างนี้มันก็น่าฟัง”

[ การสื่อสารทำให้คนฉลาดได้ ]

แล้วการสื่อสารเป็นพาหนะของอะไรได้อีกบ้าง ‘อาจารย์ขวัญ’ ตอบว่า ”การสื่อสารทำให้คนฉลาดได้“

“คือการสื่อสารที่ดีมันต้องทำให้คนฟังได้รับคุณค่าของสิ่งที่สื่อออกมา คนฟังต้องแยกแยะได้ว่าอันนี้ให้คุณค่าอะไร อันนี้ไม่ได้คุณค่าอะไรแต่กระตุ้นอารมณ์ แล้วก็ต้องเลือกได้ว่าจะเสพสื่อลักษณะไหน ทีนี้ถ้าในประเทศที่มีแต่สื่อที่กระตุ้นอารมณ์คนโง่นะ คนโง่ และก็คนที่ใจติดอยู่กับเรื่องของอารมณ์แล้วก็จะเอาเวลาที่คุณจะไปสร้างมูลค่าและคุณค่าอื่นๆ หมดกับการคอมเม้นต์อะไรก็ไม่รู้ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ประเทศเคลื่อนไปไหนเลย”

“แต่มันจะกลับมาในเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งก็คือ ถ้ามองในอุตสาหกรรมโดยรวม ประเทศอื่นในอาเซียน เวียดนาม สิงคโปร์กำลังวิ่งเร็วกว่าเมืองไทยเยอะมาก”

“หนึ่งในนั้นก็คือเขาใม่มีวัฒนธรรม เรื่องการ top down ซึ่งแปลว่าในการทำงานพนักงานรอฟังคำสั่งเจ้านาย เมื่อมีปัญหาก็เดินไปฟ้องนาย แต่ให้นายแก้ ฉันไม่แก้ แต่นายก็รู้สึกว่านายต้องแก้ เพราะนายเป็นนาย นี่คือ leadership”

“แต่ถ้ามัวแต่ top down เราไม่ไปไหนนะ เพราะนายอยู่คนเดียวมีสตาฟเป็น 10 เป็น 100 แต่ถ้าเราสามารถทำให้สตาฟเป็น 10 เป็น 100 เข้าใจคุณค่าของตัวเองรู้ว่าตัวเองมี voice และหา solution การเคลื่อนไปข้างหน้ามันเร็ว ดีกว่าปล่อยให้คนคนเดียวคิด”

“เพราะคนไทยไม่เคยเรียนรู้ว่าตัวเองมีอำนาจมีสิทธิ์ มีเสรีภาพ และมี creativity เป็นของตัวเอง คนไทยเลยไม่เคยใช้ Critical Thinking และ Problem Solving อะไรเลย ทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีอำนาจ”

“เรื่องนี้น่ากลัวมาก สู้คนเดียวไม่ได้ ถ้าเราไม่เรียนรู้ว่าเรามีสิทธิ์มี voice มีศักยภาพที่จะใช้สมองในการมีความคิดสร้างสรรค์ ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาด้วยตัวเราเอง เราไม่มีทางหลุดกับดักของการเป็นประเทศกำลงพัฒนา อยู่มาค่อนศตวรรษ เมื่อไหร่จะพัฒนาเสียที” อาจารย์ขวัญสรุปปิดท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TODAY

อ.ต.ก.พาผลไม้ไทยบุกตลาดตะวันออกกลาง! จัดงาน “Riyadh Thai Fruits Festival 2025”

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรุปปมเดือดดุสิตธานี พี่น้องแบ่งมรดกไม่ลงตัว เซ็นทรัลกับดราม่าแทรกแซง

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...