โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

'เมเจอร์' จับมือ 'เถ้าแก่น้อย' ทุ่ม 100 ล้านตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยตลาดป๊อปคอร์น

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ล่าสุดบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ "บริษัท ทีเคเอ็น แอนด์ เมเจอร์ ป๊อปคอร์น จำกัด" เพื่อรุกตลาดป๊อปคอร์นสำเร็จรูปพร้อมทาน (Ready-to-eat) ทั้งในและต่างประเทศ

การร่วมทุนครั้งนี้มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดย เถ้าแก่น้อย ถือหุ้นในสัดส่วน 51% คิดเป็นเงินลงทุน 51 ล้านบาท และ เมเจอร์ ถือหุ้น 49% คิดเป็น 49 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินจากกระแสเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทมาใช้ในการลงทุน โดยมีแผนชำระเงินงวดแรกภายในเดือนกันยายน 2568 จำนวน 24.5 ล้านบาท และงวดถัดไปเมื่อมีความจำเป็นต้องขยายธุรกิจหรือเพิ่มสภาพคล่อง

การตัดสินใจจับมือกับเถ้าแก่น้อยในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การขยายธุรกิจของเมเจอร์ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ โดยเฉพาะการต่อยอดจากสินค้าเรือธงอย่าง "ป๊อปคอร์น" ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากในโรงภาพยนตร์ สู่ตลาดใหม่ที่กว้างขึ้นและเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทาง

อย่างไรก็ตาม บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/2568 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยมีรายได้รวม 1,940 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2567 ที่มีรายได้ 2,033 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท พบว่า รายได้ของบริษัทลดลง 93 ล้านบาท (5%) และกำไรสุทธิลดลงถึง 108 ล้านบาท (46%)

ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในครั้งนี้มาจากการที่ ธุรกิจโรงภาพยนตร์มีรายได้ลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2/2567 มีภาพยนตร์ไทยที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง "หลานม่า" และ "อนงค์" ทำให้มีจำนวนผู้ชมและรายได้จากป๊อปคอร์นสูงกว่าปกติ ในขณะที่ไตรมาส 2/2568 จำนวนผู้ชมลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้จากทั้งบัตรชมภาพยนตร์และป๊อปคอร์นลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในเครือบางส่วนยังคงเติบโตได้ดี

  • ธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ: มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับกลยุทธ์และปรับปรุงพื้นที่ให้ทันสมัย
  • ธุรกิจพื้นที่เช่าและบริการ: มีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นในสาขาสุขุมวิท
  • ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์: มีรายได้ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากปีที่แล้วมีรายได้เพิ่มเติมจากการฉายภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด" และ "ของแขก" ผ่านช่องทางออนไลน์

ในด้านต้นทุน บริษัทมีต้นทุนขายและบริการรวม 1,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 13 ล้านบาท (1%) จากปีก่อน ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นลดลงจาก 36% เหลือ 32% แต่ในทางกลับกัน บริษัทสามารถ บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 76 ล้านบาท (13%) ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการที่รายได้ลดลงได้ในระดับหนึ่ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

กองทัพไทย ย้ำไม่เคยมีระเบิด MK 84 ทุกอย่างปฏิบัติการแบบสากล

31 นาทีที่แล้ว

AOC 1441 เตือนภัย “โจรออนไลน์” ข่มขู่เอี่ยวคดีฟอกเงิน พบเสียหายกว่า 12 ล้าน

32 นาทีที่แล้ว

กองทัพภาค 2 สรุปสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังตรึงกำลังตามแนวที่มั่น

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'สภาทนายความ' แจงด่วน ปมช่วย 'หลวงพ่ออลงกต' ทำคดีวัดพระบาทน้ำพุไม่ได้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

“อินเดีย” ชี้สินค้าส่งออกไปสหรัฐกว่า 55% เจอภาษี 50% จากนโยบายทรัมป์

การเงินธนาคาร

ยูโอบี คาด กนง.คงที่ดอกเบี้ย ชี้ มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ไตรมาส 4/68

MATICHON ONLINE

สื่อต้องปรับตัวอย่างไร ในวันที่ AI เปลี่ยนอินเทอร์เน็ต

The Momentum

“สุดซอย”นำหมายค้น “เวสต์ 2”ที่ปราจีนบุรี พบผิดเงื่อนไขบ่อฝังกลบสั่งหยุด-เร่งแก้ไขด่วน

Manager Online

HSBC คาด ธปท.ลดดอกเบี้ย ส.ค.นี้หลังผลเจรจาภาษีทรัมป์ดีกว่าคาด ไม่เสียเปรียบภูมิภาคเดียวกัน

Manager Online

“ธุรกิจขนาดเล็กสหรัฐ” ระส่ำ รับศึกภาษีทรัมป์ คาดผลกระทบ 2.02 แสนล้านดอลลาร์/ปี

การเงินธนาคาร

AWC ทุ่ม 1.2 พันล้าน สร้างดินแดนไดโนเสาร์ Jurassic World

Amarin TV

ปตท.สผ. มอบเงินสนับสนุนสมาคมกีฬาแข่งเรือใบ 15 ล.

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...