เรือประมง ระส่ำ แรงงานกัมพูชาแห่กลับ เสนอ เปิดทางต่างด้าวเมียนมา ทดแทน
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ใน อุตสาหกรรมประมง มี แรงงานกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้อง รวมประมาณ 14,000-15,000 คน ในจำนวนนี้ แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มแรงงานที่ทำ MOU แรงงานประมง (Memorandum of Understanding) เป็นบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศต้นทาง เพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาทำงานในกิจการประมงทะเลโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการนำเข้าและการทำงานของแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมายป้องกันการค้ามนุษย์และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคประมง ซึ่งจะมีสัญญา 2 ปี ส่วนใหญ่ทำในโรงงานอุตสาหกรรม
2 . แรงงานที่เข้ามาอย่างถูกต้องตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 เกี่ยวข้องกับการออกหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานบนเรือประมง มาตรานี้ระบุว่ากรมประมงมีอำนาจออกประกาศกำหนดแบบหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าว หนังสือนี้ใช้แทนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและอนุญาตให้ทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
อย่างไรก็ตามจากการปะทะระหว่าง ไทย-กัมพูชา พบว่าปัจจุบันแรงงานต่างด้าวจากกัมพูชา เหล่านี้ได้ทะยอยกลับบ้านประมาณ 4,000-5,000 คนที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมาตรา 83 ส่วนกลุ่มที่มี MOU นั้นยังมีสัญญาเดิมค้างอยู่ การทะยอยกลับบ้านดังกล่าว แรงงานไม่มีห่วงเรื่องค่าจ้างเนื่องจากนายจ้างส่วนใหญ่ได้จ่ายเกินบัญชีเพื่อจูงใจให้แรงงานอยู่ต่อ แต่คาดว่าแรงงานเหล่านั้นมีข้อบีบคั้นบางอย่างทำให้ตัดสินใจเดินทางกลับถิ่นเกิด
เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทยจะทำหนังสือไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อให้เร่งเปิดให้ใช้แรงงานเมียนมาให้มากขึ้นตามมาตรา 14 ในกฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างให้ถูกต้องตามสิทธิและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เว้นแต่พระราชบัญญัตินี้ (พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน) โดยคาดว่าจะทดแทนได้ทันทีเพราะแรงงานเมียนมา มีความถนัดด้านประมงอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากแรงงานบังคลาเทศ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝน ในขณะที่แรงงานเมียนมานั้นมีจำนวนมากและพร้อมจะเข้ามาทำงานในไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารบริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน)และประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า แรงงานในส่วนที่ทำ MOU ไว้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในการทะยอยกลับกัมพูชา ส่วนใหญ่ยังอยากที่จะทำงานในไทย เนื่องจากมีสวัสดิการดีกว่า ประกอบกับระยะเวลาการว่าจ้างที่กำหนดไว้ชัดเจน และคาดว่าแรงงานกลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ