‘จตุพร’ ซัด ‘ภูมิธรรม’ เจรจาหยุดยิง ‘ส่อล้มเหลว’ คาด 4 ส.ค. กัมพูชาเบี้ยวอีก!
"จตุพร" ซัด "ภูมิธรรม" เจรจาหยุดยิง "ส่อล้มเหลว" ซ้ำกัมพูชาเบี้ยวข้อตกลง หวั่นสงครามปะทุซ้ำ-จี้รัฐบาลอย่าประมาท คาดเจรจา 4 ส.ค. ถูกเบี้ยวอีก
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 29 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า สัญญาเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขส่อล้มเหลว ไม่ได้รับการปฏิบัติให้เป็นจริง และยิ่งคนเจรจานายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ สังคมไม่ไว้วางใจ ดังนั้น ไทยไม่ควรประมาทกับสถานการณ์สงคราม ซึ่งอาจจะปะทุขึ้นมาอีกได้
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงหยุดยิงตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม เมื่อไม่เป็นไปตามสัญญา แม้ไทยบอกกัมพูชายิงก่อน แต่นายภูมิธรรม ควรออกมาชี้แจงให้กระจ่างว่า เกิดอะไรขึ้นจึงมีการเบี้ยวตั้งแต่ข้อตกลงแรกแล้ว
"การไปตกลงอะไรง่ายดาย ไม่คิดถึงโลกความเป็นจริงนั้น จึงประจักษ์ชัดเจนว่า สัญญาหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขในเวลาเที่ยงคืนถูกละเมิดตั้งแต่ข้อแรก อีกทั้งการเจรจาระดับแม่ทัพทหารก็ไม่ควรไปเจรจาด้วยซ้ำไป และถ้าละเมิดอีกข้อตกจะเจรจาในวันที่ 4 สิงหาคม ก็ไม่ควรเจรจาอีก ยกเว้นเราเป็นคนไม่รู้สึกรู้สา ไปตกลงเพื่อให้ถูกฉีกข้อตกลง ซึ่งจะทำให้สถานการณ์มีความยากลำบาก"
ส่วนการชุมนุมของภาคประชาชนในวันที่ 2 สิงหาคม นั้น ถูกปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของคณะรวมพลังแผ่นดินอย่างรุนแรงมาก ทั้งที่การชุมนุมย้ำไม่ขับไล่รัฐบาลที่ส่อโมฆะไปแล้ว เพราะอีกไม่นานต้องไปอยู่ดี แต่การชุมนุมเป็นการแสดงออกเพื่อร่วมหนุนทหารและห่วงใยประชาชน
อีกทั้งกล่าวว่า งบประมาณกลาง 1.57 แสนล้านนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้พวกพ้องไปทำมาหากินกัน แต่ต้องสำรองเพื่อศึกสงครามและภัยธรรมชาติน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม เมื่อไทยเดินเกมพลาดมาหลายครั้งคราว จนมาถึงภาษีทรัมป์ ทั้งหมดทั้งปวงจึงตกเป็นเหยื่อของสองมหาอำนาจ ดังนั้น การใช้งบประมาณในยามสงครามจึงมีความจำเป็นอย่างมาก
"ต้องยอมรับความจริงว่า สิ่งที่นายภูมิธรรม แถลงคนไทยไม่สบายใจ เพราะการไปเจรจานั้น เขา (กัมพูชา) ไม่ปฏิบัติตามคุณ สิ่งสำคัญถ้าสถานกาณ์พลิกผันไป มีการละเมิดอีก แล้วสงครามเกิดขึ้นมาใหม่ เราจะเอาหัวใครมารับผิดชอบ" และกล่าวว่า ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ไปเจรจาภาษีทรัมป์ ผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง แล้วไปเจรจาอย่างไรจึงไม่รู้เรื่องสักอย่าง ทั้งที่ใกล้เส้นตายภาษีทรัมป์ในวันที่ 1 สิงหาคม แล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ แม้เสียงปืนชายแดนไทย-กัมพูชาสงบแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะได้ยินขึ้นอีกเมื่อไหร่ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจกัน สิ่งสำคัญ ข้อตกลงแรกให้หยุดยิงไม่มีเงื่อนไขหลังเที่ยงคืน ยังไม่เป็นจริงตามการเจรจา ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้จึงน่ากังวลมาก เพราะอะไรก็เกิดได้ทุกเวลา อย่างไรก็ตามการรักชาติบ้านเมืองต้องมีสติและต้องสร้างอารมณ์ร่วมรบ ร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมฝ่าฟันทุกอุปสรรค
"มีความกังวลว่า ถ้าสงครามกลับมาอีก และเขา (กัมพูชา) พร้อมกว่าเดิม ฝั่งเราก็ไม่ควรประมาท เราต้องเตรียมรับความพร้อมที่มากกว่าเดิมในทุกสถานการณ์" นายจตุพร กล่าว และว่า การเจรจาใดๆ นั้น ยิ่งเป็นเจรจาเกี่ยวกับสงครามที่มีความซับซ้อนของไทย-กัมพูชา ดังนั้น จึงต้องรู้เท่าทันในทุกขั้นตอน โดยควรเคลียร์ความรู้สึกกับความน่าเชื่อถือให้้เกิดกับคนในชาติเสียก่อน
"ต้องยอมรับความจริงเสียก่อนว่า คนในชาติส่วนใหญ่ไม่มีใครเชื่อคุณ (ภูมิธรรม) เลยนะ และยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจ จนผลลัพธ์การเจรจาก็เป็นไปตามที่คนไม่ไว้วางใจคุณ และการหยุดยิงก็ไม่เป็นไปตามนั้น คุณยังลอยหน้าลอยตาออกมาพูดได้อีกเหรอ" ประเทศไทยต้องมาก่อน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ละเมิดข้อตกลงอีกแล้ว! ทหารกัมพูชา โจมตีทหารไทยที่ภูมะเขือตลอดทั้งคืน
- ปิดประชุมฉุกเฉินยูเอ็นเอสซี 'กัมพูชา' ร้องหยุดยิงทันทีแบบไร้เงื่อนไข
- ไม่พูดแล้ว! ‘ภูมิธรรม-บิ๊กเล็ก’ ปิดปาก หลังสื่อถามผลหารือแม่ทัพ 2 ประเทศ
ติดตามเราได้ที่