“ทรัมป์” เตรียมเปิดโต๊ะเจรจาสันติภาพกับ “ปูติน” ขู่คว่ำบาตรเพิ่ม หากรัสเซียไม่หยุดสงคราม
ทำเนียบขาวเผย ทรัมป์ เตรียมเปิดโต๊ะเจรจาสันติภาพกับปูติน และอาจจัดประชุมสามฝ่ายร่วมกับเซเลนสกี ขณะขีดเส้นตายให้รัสเซียตอบรับข้อเสนอหยุดยิงภายใน 2 วัน มิเช่นนั้นจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 08.22 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจพบกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่สหรัฐยังคงเตรียมการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรรอง (secondary sanctions) รวมถึงอาจพุ่งเป้าไปยังจีน เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้มอสโกยุติสงครามในยูเครน
การพบปะครั้งนี้ หากเกิดขึ้นจริง จะนับเป็นการหารือแบบพบหน้าครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีของสหรัฐและรัสเซีย นับตั้งแต่ที่โจ ไบเดน พบกับปูตินที่กรุงเจนีวาในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นเวลากว่า 8 เดือนก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากการรุกรานยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ขณะที่ปูตินและประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยังไม่ได้พบกันตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 และต่างแสดงความไม่พอใจต่อกันอย่างเปิดเผย สื่อ The New York Times รายงานว่า ทรัมป์ได้บอกกับผู้นำยุโรประหว่างการโทรศัพท์ในวันพุธว่า เขาตั้งใจจะพบกับปูติน และอาจจัดการหารือสามฝ่ายร่วมกับเซเลนสกีในภายหลัง โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ามีโอกาสสูงที่จะมีการพบกันเร็ว ๆ นี้
นางสาวแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า “รัสเซียแสดงความประสงค์ที่จะพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ และท่านประธานาธิบดีเองก็เปิดกว้างสำหรับการพบกับทั้งประธานาธิบดีปูตินและเซเลนสกี”
รายละเอียดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการพบหารือในวันพุธระหว่างประธานาธิบดีปูตินและนายสตีฟ วิทคอฟ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐ ซึ่งทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ว่าบรรลุความคืบหน้าอย่างมาก แม้จะกล่าวในภายหลังว่ายังไม่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเครมลินกล่าวว่าการเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีประโยชน์
ความเคลื่อนไหวทางการทูตครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนถึงเส้นตายที่ทรัมป์ตั้งไว้สองวัน ให้รัสเซียแสดงท่าทีตกลงสันติภาพในยูเครน มิฉะนั้นจะเผชิญมาตรการคว่ำบาตรใหม่ ทรัมป์เริ่มแสดงความไม่พอใจต่อปูตินมากขึ้นจากความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขู่ว่าจะใช้มาตรการภาษีที่รุนแรงต่อประเทศใด ๆ ที่ซื้อสินค้าส่งออกจากรัสเซีย โดยเฉพาะน้ำมัน
เมื่อวันพุธ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าเขาอาจประกาศภาษีเพิ่มเติมต่อจีนในลักษณะเดียวกับที่เก็บภาษี 25% กับอินเดียก่อนหน้านี้จากกรณีการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยระบุว่า “เราทำกับอินเดียแล้ว และเราคงทำกับอีกสองสามประเทศ หนึ่งในนั้นอาจเป็นจีน”
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุว่า แม้การพบหารือระหว่างวิทคอฟกับปูตินจะเป็นไปด้วยดี และมอสโกต้องการสานต่อการเจรจากับสหรัฐ แต่มาตรการคว่ำบาตรรองที่ทรัมป์ขู่ว่าจะใช้กับประเทศที่ยังค้าขายกับรัสเซีย ก็คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์
ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้แลกสัญญาณเกี่ยวกับปัญหายูเครน และหารือถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมจนกว่าวิทคอฟจะรายงานผลต่อทรัมป์
ด้าน ประธานาธิบดีเซเลนสกี ระบุว่า แรงกดดันที่มีต่อรัสเซียเริ่มเห็นผล และฝ่ายรัสเซียมีท่าทีโน้มเอียงที่จะยอมรับการหยุดยิง โดยกล่าวในสุนทรพจน์ประจำคืนว่าแรงกดดันได้ผล แต่สิ่งสำคัญคือพวกเขาอย่าหลอกเราในรายละเอียด ทั้งยูเครนและสหรัฐ
ทรัมป์ยังระบุผ่าน Truth Social ว่า เขาได้อัปเดตข้อมูลสถานะการเจรจากับรัสเซียให้พันธมิตรยุโรปบางรายทราบแล้ว ด้านโฆษกรัฐบาลเยอรมนีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมันได้รับข้อมูลดังกล่าวจากทรัมป์ผ่านการโทรศัพท์ร่วมกับผู้นำยุโรปคนอื่น ๆ
เมื่อวันพุธ ทรัมป์ได้เดินหน้าใช้มาตรการลงโทษ โดยออกคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่มเติมอีก 25% โดยให้เหตุผลว่าอินเดียยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย มาตรการนี้ทำให้ภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากอินเดียเพิ่มสูงถึง 50% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระดับภาษีที่สูงที่สุดสำหรับคู่ค้าของสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศของอินเดียออกแถลงการณ์เรียกการตัดสินใจของสหรัฐฯ ว่า “น่าเสียใจอย่างยิ่ง”
ด้านเครมลินระบุว่า การข่มขู่จะลงโทษประเทศที่ค้าขายกับรัสเซียนั้นถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะขึ้นภาษีจีนเพิ่มเติม ยังอาจยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้เตือนจีนว่าหากยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอาจถูกเก็บภาษีในอัตราสูง ภายใต้กฎหมายใหม่ของสภาคองเกรส
สหรัฐและจีนกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายข้อตกลงพักรบด้านภาษีที่จะหมดอายุในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้า อัตราภาษีระหว่างสองประเทศอาจกลับไปสู่ระดับสามหลักอีกครั้ง
รายงานจาก Bloomberg และสำนักข่าวอิสระของรัสเซีย The Bell ระบุว่า รัสเซียอาจเสนอข้อตกลงชั่วคราวให้รัสเซียและยูเครนระงับการโจมตีทางอากาศ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุส เสนอในระหว่างการพบกับปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้ข้อเสนอดังกล่าวจะยังห่างไกลจากการหยุดยิงโดยสมบูรณ์ตามที่ยูเครนและสหรัฐต้องการ แต่ก็อาจช่วยลดความรุนแรงและความสูญเสียในเบื้องต้นได้บ้าง
ตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายกลับมาเจรจาสันติภาพโดยตรงในเดือนพฤษภาคม รัสเซียได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงที่สุดในสงคราม โดยเฉพาะในกรุงเคียฟซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 72 คน ขณะที่ยูเครนยังคงตอบโต้โดยการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและคลังเชื้อเพลิงในรัสเซียหลายครั้ง
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับเครมลินให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า ปูตินไม่น่าจะยอมอ่อนข้อให้กับคำขู่คว่ำบาตรของทรัมป์ เพราะเขายังเชื่อว่ารัสเซียกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบในสนามรบ และเป้าหมายทางทหารมีความสำคัญเหนือกว่าการฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐ ทั้งนี้แหล่งข่าวรัสเซียรายหนึ่งกล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่ผ่านมายังไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อรัสเซีย แม้จะมีหลายรอบแล้วก็ตาม
อ้างอิง : www.reuters.com