โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กนง. ยังลดได้อีก SCB EIC ชี้อัตรา ดอกเบี้ย ที่แท้จริงยังสูง หวั่น “Debt deflation” ซ้ำเติมหนี้ครัวเรือน

การเงินธนาคาร

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

SCB EIC ชี้แม้ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่ ดอกเบี้ยที่แท้จริงยังสูงไม่สอดคล้องเศรษฐกิจที่โตช้า สัญญาณ "Debt deflation ซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะที่เงินบาทแข็งค่าเร็วในรอบปีอาจกระทบส่งออก คาดกนง.จะลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในไตรมาส 4 สู่ 1.25%

14 ส.ค. 2568 SCB EIC เผยบทวิเคราะห์หลัง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 1.50% ว่าเป็นไปตามคาดการณ์ของ SCB EIC โดยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้มาจากการประเมินของกนง. ว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายได้เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ภาวะการเงินผ่อนคลายลง โดยเฉพาะ (1) ธุรกิจที่จะถูกกระทบจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ซ้ำเติมปัญหาความสามารถในการแข่งขันที่มีอยู่ก่อนแล้ว ให้สามารถปรับตัวได้ในระยะข้างหน้า ที่การแข่งขันจากต่างประเทศจะรุนแรงขึ้น และ (2) ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของภาคส่วนเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง มองไปข้างหน้ากนง.เห็นว่านโยบายการเงินจะต้องอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ควรคำนึงถึงเสถียรภาพในระยะปานกลาง รวมถึง Policy space ที่มีจำกัดและประสิทธิผลในการส่งผ่านนโยบายการเงิน

กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี2025 จะชะลอลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน

  • กนง.มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไม่ได้แตกต่างจากการประเมินในการประชุมครั้งก่อนมากนักโดยในการประชุมรอบเดือนมิถุนายน2025 ซึ่ง กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่3%YOY และ 1.7%YOY ในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 จะขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้จากภาคการส่งออกสินค้าและภาคการผลิตเป็นหลัก ตามการเร่งส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ
  • กนง.มองว่าเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี2025 มีแนวโน้มชะลอลงจากช่วงครึ่งแรกของปีส่วนหนึ่งจากการเร่งผลิตและส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้ กนง. ยังประเมินว่าเครื่องยนต์เศรษฐกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มแผ่วลง และอาจปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลงในการเผยแพร่ประมาณการในรอบการประชุมเดือนตุลาคม 2025 (ประมาณการ ณ รอบการประชุมเดือน มิ.ย. 2025 ประเมินไว้ที่ 35 และ 38 ล้านคนในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ)
  • กนง.เห็นว่าต้องติดตามผลกระทบจากภาษีTransshipment และการแข่งขันของสินค้านำเข้าที่จะรุนแรงขึ้นโดยประเมินว่าแม้อัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เรียกเก็บสินค้าไทยไม่ได้เสียเปรียบคู่แข่ง แต่อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในระดับที่สูงขึ้นมากเช่นนี้ รวมทั้งมาตรการกำแพงภาษีสินค้า Transshipment และภาษีนำเข้าเฉพาะกลุ่มสินค้า เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ที่จะทยอยออกมาในระยะข้างหน้าอาจลดทอนอุปสงค์สินค้าส่งออกโลกโดยรวม นำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และจะส่งผลต่อไปในระยะปานกลาง การปรับตัวของภาคธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทานโดยราคาอาหารสดลดลงจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และราคาพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันดิบโลกเป็นหลัก แต่ยังไม่เห็นราคาสินค้าและบริการอื่นลดลงตามเป็นวงกว้าง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังทรงตัวใกล้เคียง1%

กนง.จะติดตามสถานการณ์สินเชื่อหดตัวและเงินบาทแข็งค่า ซึ่งอาจมีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป

  • สถานการณ์สินเชื่อหดตัวอาจซ้ำเติมภาคส่วนเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางโดยการหดตัวของสินเชื่อมีที่มาจาก สินเชื่อกลุ่มธุรกิจSMEs และสินเชื่อภาคครัวเรือนที่หดตัวลง ส่วนหนึ่งจากความระมัดระวังของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ชะลอลงตามความต้องการสินเชื่อที่ปรับลดลงจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง
  • เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับค่าเงินภูมิภาคตามดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า รวมถึงการเคลื่อนไหวของเงินบาทตามราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น
  • กนง.ยังมองว่านโยบายการเงินจำเป็นต้อง“ผ่อนคลาย” แต่ยังต้องคำนึงถึงPolicy space และประสิทธิผลของการส่งผ่านนโยบายการเงิน ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงมาแล้วรวม 1.0% จาก50% ในช่วงต้นปี 2024 อยู่ที่ระดับ 1.50% ในระยะข้างหน้ากนง.จำเป็นต้องพิจารณาถึงข้อจำกัดของ Policy space ที่เหลือน้อยลง และประสิทธิผลของการส่งผ่านนโยบายการเงินที่จะน้อยลงในภาวะดอกเบี้ยต่ำ

SCB EIC ประเมินว่ากนง.จะยังลดดอกเบี้ยต่ออีกครั้งในปีนี้ เนื่องจาก

  • ภาวะการเงินตึงตัว รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเร็วอาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

  • สถานการณ์สินเชื่อหดตัว โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจSMEs และสินเชื่อครัวเรือนจะยังดำเนินต่อไปจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ธุรกิจ SMEs บางส่วนประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่ภาคครัวเรือนยังประสบปัญหาภาระหนี้ที่มีอยู่เดิม

    • เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วในรอบ1 ปีที่ผ่านมาหากเปรียบเทียบกับหลายประเทศคู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ อาจเป็นอีกปัจจัยกดดันความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทย การแข็งค่านี้สะท้อนจากดัชนีค่าเงินบาทในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2025 ที่ผ่านมา ที่ดัชนีอยู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินเอเชียปี 1997
  • อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (Real rate) ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีตโดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยอยู่ที่ประมาณ75% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ใกล้เคียง 0% เท่านั้น สะท้อนว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอาจยังไม่ผ่อนคลายเพียงพอ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่ำกว่าในอดีตอย่างมีนัย

  • อัตราเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน แม้จะมีที่มาจากปัจจัยด้านอุปทานและมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพจากภาครัฐโดยเฉพาะด้านพลังงานเป็นหลัก อาจทำให้ครัวเรือนเผชิญกับภาวะ “Debt deflation” และนำไปสู่ความเสี่ยงภาวะเงินฝืด (Deflation) ในที่สุด

  • Debt deflation คือสถานการณ์ที่มูลค่าที่แท้จริงของหนี้ไม่ลดลงตามราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาระหนี้ครัวเรือนยังคงสูงอยู่ โดยที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อต่ำไม่ได้ช่วยในกระบวนการลดหนี้ครัวเรือน (Debt deleveraging) มากนัก แต่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อGDP ลดลงที่เห็นในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากหนี้ใหม่ที่ชะลอตัว

    • หากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป อาจทำให้ครัวเรือนเปราะบางยิ่งขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลง และนำไปสู่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation)

สำหรับมุมมองนโยบายการเงิน SCB EIC ยังคงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.25% ภายในสิ้นปีนี้ โดยเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยจะแผ่วลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคการส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว ความเปราะบางของภาคธุรกิจและครัวเรือนจะยังส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ภาวะการเงินไทยนับว่ายังตึงตัวสูง ไม่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพมาก SCB EIC จึงประเมินว่าภายในปีนี้ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในไตรมาส 4 เพื่อให้นโยบายการเงินสามารถรองรับความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้ (เพิ่มเติม…)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

ก.ล.ต. สั่ง “จรัญประกันภัย” ให้ความร่วมมือผู้สอบบัญชี สอบทานงบ Q1/68

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หุ้นไทย ปิดลบ 7.25 จุด บาทอ่อนกดดัน โฟลว์ไหลออก-ความหวังเฟดหั่นดอกเบี้ยลดลง

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

YKK ผู้ผลิตซิปเบอร์ 1 โลก เจอพายุภาษีสหรัฐ กระทบซัพพลายเชน 40% ของตลาดโลก

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เงินไหลเข้า “กองทุนหุ้นโลก” สูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เหตุเงินเฟ้อสหรัฐต่ำคาด สงบศึกภาษีสหรัฐ-จีน

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

รองปลัดฯ อุตสาหกรรม เปิดสัมมนาพัฒนาบุคลากรกองทุนเอสเอ็มอี เสริมทักษะ–องค์ความรู้หนุนผู้ประกอบการไทยสู่ความยั่งยืน

สวพ.FM91

รัฐบาลตั้งศูนย์ OSS เคียงข้างผู้ประกอบการไทย รับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการส่งออกเต็มที่

สวพ.FM91

Broker ranking 15 Aug 2025

Manager Online

ทำไม? บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงขายเสื้อ 30,000 ตัวหมดเกลี้ยงในไม่กี่วัน

SMART SME

CPF ท็อปฟอร์ม! ครึ่งปีแรก 68 กำไรพุ่ง 134% หรือเกือบ 19,000 ล้านบาท

TODAY Bizview

ICS Lifestyle Complex อัดแคมเปญสุดพิเศษกระตุ้นนักช้อป

เดลินิวส์

KKP ชี้ GDP ครึ่งหลังปี 68 เสี่ยงชะลอรับแรงกดดันส่งออก-ท่องเที่ยวสะดุด เร่งไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

Manager Online

ดัชนีทอง ส.ค. ขยับขึ้นต่อ! ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย-บาทอ่อนหนุนราคา

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...