“เวียตเจ็ท” ปักธงผลงานปี 69 โตแรง รับแผนขยายฝูงบิน 50 ลำ ดันไทยสู่ศูนย์กลางการบินอาเซียน
สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกในปี 2568–2571 พร้อมวางแผนอนาคต เพื่อผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการขยายฝูงบิน เพิ่มเครือข่ายเส้นทางบิน ลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร
ปัจจุบันเวียตเจ็ทไทยแลนด์อยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเตรียมรับมอบอากาศยานใหม่ โบอิ้ง 737-8 เพิ่มอีก 50 ลำ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป โดยเครื่องลำแรกมีกำหนดส่งมอบในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเชื่อมต่อเมืองหลัก–เมืองรองในไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ช่วง Q4/68 บริษัทฯ เตรียมรับมอบรุ่น Boeing จำนวน 9 ลำแรก จากทั้งหมด 50 ลำ พร้อมทยอยคืนเครื่องบินรุ่น Airbus จำนวน 4 ลำ จากทั้งหมด 18 ลำ ส่งผลให้บริษัทฯ มีเครื่องบินพร้อมให้บริการช่วงไฮซีซั่น หรือสิ้นปีนี้รวม 23 ลำ โดยคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า การขยายฝูงบินแตะ 50 ลำ จะช่วยหนุนให้รายได้เติบโตกว่า 2 เท่าตัว หรือแตะ 40,000 ล้านบาท
อีกทั้งการขยายฝูงบินครั้งนี้ไม่เพียงแต่รองรับความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการยกระดับศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยเวียตเจ็ทไทยแลนด์มีการเติบโตด้านธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่รายได้ ปริมาณผู้โดยสาร และเครือข่ายเส้นทางบินสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารและคู่ค้า โดยมุ่งมั่นนำเสนอการเดินทางที่สะดวกสบาย ราคาคุ้มค่า และตรงเวลา
“การเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแผนการขยายฝูงบินทั้งในระยะสั้นและกลาง เพื่อรองรับการเติบโตของสายการบินให้บริการ จะช่วยให้เวียตเจ็ทไทยแลนด์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลว์คอสต์ที่รุนแรง และสร้างความพร้อมให้ไทยก้าวสู่การเป็นฮับการบินในภูมิภาค และที่สำคัญยังจะสร้างงานกว่า 4,000 - 5,000 ตำแหน่ง ครอบคลุมนักบิน พนักงานต้อนรับ พนักงานภาคพื้นดิน และฝ่ายวิศวกรรมควบคู่ไปกับการยกระดับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม”
พร้อมกันนี้ นายวรเนติ กล่าวว่า "ในฐานะสายการบินยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอยู่เสมอ โดยได้เปิดโอกาสให้ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ผู้มีประสบการณ์ทำงาน รวมถึงผู้ที่มีความมุ่งมั่นในสายอาชีพด้านการบินได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร"
ในขณะเดียวกันจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการบินโดยตรง ทำให้จำนวนเที่ยวบินลดลงสอดคล้องกับความต้องการเดินทางที่ลดลง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ประกาศมาตรการฉุกเฉิน โดยมุ่งเน้นการจัดการด้าน ความปลอดภัย (Security) เป็นอันดับแรก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารทุกคน นอกจากนี้ยังได้มีการจัดเตรียม เที่ยวบินสำรอง เพื่อรองรับคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศเป็นการเร่งด่วน
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองไทย บริษัทฯ มีความกังวลว่า หากยังมีความไม่แน่นอน การเมืองที่ไร้เสถียรภาพ จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ขาดความชัดเจนและต่อเนื่องในการดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ ทำให้เกิดความกังวลว่าประเทศจะขาดโอกาสในการพัฒนาและเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ
ด้าน คุณปิ่นยศ พิบูลสงคราม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ เสริมว่าตลอดปีที่ผ่านมา เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถสร้างการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถรักษาอัตราการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสายการบินราคา ซึ่งจุดแข็งของเราคือการมอบบริการคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เรามีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นและสามารถขยายตลาดใหม่ได้อย่างมั่นคง”
ในปีนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ รวมถึงเส้นทางกรุงเทพฯ–โซล (เดือนตุลาคม) กรุงเทพฯ–โกลกาตา ในเดือนพฤศจิกายนกรุงเทพฯ–โตเกียว (นาริตะ) ในเดือนธันวาคมกรุงเทพฯ–โอซาก้า (คันไซ) ในเดือนธันวาคม และกรุงเทพฯ–อาห์เมดาบัด ในเดือนธันวาคม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เวียตเจ็ทไทยยังเตรียมมอบประสบการณ์การบินที่น่าประทับใจด้วยการให้บริการด้านความบันเทิงบนเที่ยวบิน (In-Flight Entertainment)
“ที่สำคัญไม่แพ้กัน สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังคงพัฒนาความตรงต่อเวลาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของสายการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการมอบบริการที่เป็นเลิศแก่ผู้โดยสาร”
คุณสญาดา เบญจกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่าเวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ที่ไม่เพียงการสร้างความเติบโตเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังต้องการสร้างสมดุลกับสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมทั้งเป็นแรงผลักดันในการสนับสนุนการท่องเที่ยว
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เราเดินหน้าจัดกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นรวมถึงร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับนโยบาย ‘Fly Green’ ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้สายการบินฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรสีเขียวและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลโลกอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน”
นอกจากนี้เวียตเจ็ทไทยแลนด์ประกาศตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน โดยเดินหน้าศึกษาและส่งเสริมการใช้ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ควบคู่กับการนำเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น A321neo และ Boeing 737-8 ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 15–20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
เวียตเจ็ทไทยแลนด์วางเป้าหมายก้าวสู่การเป็นสายการบินที่มีเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เชื่อมต่อเมืองรองของไทยกับตลาดต่างประเทศโดยตรง เสริมบทบาทของไทยในฐานะฮับการบินและท่องเที่ยว พร้อมต่อยอดโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือกับภาครัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น