โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศิริกัญญาแนะรัฐปรับลดงบอีกเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ ชี้จัดสรรน้อยเกินเมื่อเทียบกับอดีต ด้านพริษฐ์ยกปัญหางบซ้ำซ้อน ขาดประสิทธิภาพ

THE STANDARD

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
ศิริกัญญาแนะรัฐปรับลดงบอีกเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ ชี้จัดสรรน้อยเกินเมื่อเทียบกับอดีต ด้านพริษฐ์ยกปัญหางบซ้ำซ้อน ขาดประสิทธิภาพ

วันนี้ (13 สิงหาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2 และ 3 เป็นวันแรก โดยในการพิจารณามาตรา 4 ว่าด้วยภาพรวมของงบประมาณรายจ่าย ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปราย ขอให้มีการปรับลดงบประมาณเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาท เหลือ 3,730,600 ล้านบาท

ศิริกัญญาอภิปรายว่า ไม่ใช่เรื่องปกติที่เราอยากตัดลดงบประมาณเพิ่ม ในยามที่ประเทศอาจจะกำลังเผชิญกับวิกฤตคู่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการปะทะตามแนวชายแดน และหวังว่าวิกฤตินี้จะจบในเร็ววัน ไม่ยืดเยื้อไปถึงงบสมัยหน้า การขอปรับงบในครั้งนี้ เพื่อให้เก็บกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็น ตลอดการอภิปราย คงได้ฟังว่า มีการจัดงบประมาณใดบ้างที่ซ้ำซ้อน ไม่จำเป็น แพง และงบใดที่มีการต้องตัดลดรีดไขมันออกชะลอหรือเลื่อนออกไปก่อนต้องจัดลำดับความสำคัญกันใหม่

ศิริกัญญาระบุว่า จากวิกฤตที่จะเกิดกับสงครามการค้าที่จะมาถึง ที่จะทำให้การคลังของประเทศตกอยู่ในภาวะ 3 เสี่ยงทั้งด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สาธารณะ ข้อมูลจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2568 ถึง 2569 ที่มีการคาดการณ์ว่า GDP จะโตอยู่ที่ 2.8% แต่ล่าสุดในปลายปี 2569 เหลือเพียงแค่ 1.6% ซึ่งแม้เราจะทราบอัตราภาษีแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเลขจะดีขึ้น เพราะหลายวิจัยปรับเพิ่ม GDP ปี 2568 จริง แต่ไม่มีวิจัยฉบับไหนที่ปรับเพิ่ม GDPในปี 2569

ส่วนการประมาณการรายได้ ปี 2569 ถ้า GDP ปรับลดลง การจัดเก็บรายได้ก็ลดลงด้วย เรามีปัญหาการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐบาลมาต่อเนื่องอย่างยาวนาน ความเสี่ยงด้านรายจ่าย ปี 2569 จะต้องมีงบเพื่อฟื้นฟู พยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้มีการเตรียมการไว้งบกลางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังคงอยู่ที่ 25,000 ล้านบาทเท่าเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือแปรเพิ่มเข้ามาในส่วนนี้

สำหรับความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะ ขณะนี้กำลังจะชนเพดานอยู่แล้ว พื้นที่ทางการคลังของเราเหลือไม่มากแล้ว ปัจจุบันเหลือแค่ 64% ที่เราคิดว่าน่าจะพอไหว แต่สิ้นปีงบ 2568 จะเหลือที่ 66% ส่วน ปี 2569 ถ้ากู้ตามที่วางแผนไว้หนี้สาธารณะต่อ GDP จะขึ้นไปถึง 69% อันเนื่องมาจากว่า GDP ของเราที่กำลังถดถอยลงเรื่อยๆ ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP กำลังจะชนเพดานในปี 2569 จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องปรับงบประมาณในส่วนนี้ เพื่อไปเป็นส่วนสมทบในส่วนหน้า และต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะให้เกิน 70% ของ GDP และอาจจะต้องมีการออก พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. เงินกู้เพื่อมาพยุงเศรษฐกิจในปี 2569

“ซึ่งงบปี 2569 ดูไม่รู้สึกรู้สาเลยว่ามีวิกฤตรออยู่ ต่างจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่งบเคยไปถึงกว่า 30,000 ล้านบาท ดิฉันไม่อยากปรับลดงบประมาณในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เราจำเป็นที่จะต้องเก็บกระสุน ถ้าการจัดงบประมาณในครั้งนี้ ไม่ได้ตอบโจทย์เพื่อช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากสงครามการค้าได้ เราต้องปรับลดงบประมาณในครั้งนี้ เพื่อเก็บพื้นที่ทางการคลังเอาไว้ใช้เมื่อเกิดวิกฤตจริง” ศิริกัญญาทิ้งท้าย

ชำแหละปัญหางบประมาณซ้ำซ้อน แยก-แย่งกันทำ

ต่อมา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายในมาตราเดียวกันว่า เข้าใจดีว่ารัฐบาลเริ่มจัดสรรงบประมาณปี 2569 ตั้งแต่ก่อนที่จะมีวิกฤตภาษีตอบโต้สหรัฐอเมริกา แต่สิ่งที่ไม่สามารถเห็นด้วยได้คือ การที่คณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ซึ่งมีเสียงข้างมากมาจากตัวแทนรัฐบาลทำน้อยเกินไปในการจัดลำดับความสำคัญงบ เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมากับข้อตกลงสหรัฐฯ และระเบียบโลกที่ไม่มีความแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อปากท้องของประชาชนในทุกภาคส่วน

พริษฐ์ชี้ว่า สิ่งที่ประเทศเราขาดมากที่สุดไม่ใช่ปริมาณงบประมาณ แต่คือประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณอย่างตรงจุดและคุ้มค่า ไม่ว่าจะเปิดไปดูงบประมาณของกระทรวงไหนจะค้นพบงบประมาณบางส่วนที่ปรับลดได้ เพื่อโยกไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน ทั้งอาคารสำนักงานที่หรูหราหรือมีมากเกินจำเป็น งบในการพัฒนาแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน งบอบรมสัมมนาที่อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

พริษฐ์อภิปรายถึงปัญหาระบบราชการ และการจัดทำงบประมาณของประเทศ ที่ส่งผลให้งบประมาณทุกกระทรวงตั้งไว้สูงเกินจำเป็น ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องความซ้ำซ้อน โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ปัญหาแยกกันทำ ปัญหาแย่งกันทำ และปัญหาย้ายออกไปทำ

ปัญหาแยกกันทำ หมายถึงความซ้ำซ้อนในระดับโครงการ มีโครงการที่เป็นประโยชน์และคาบเกี่ยวกับภารกิจของหลายหน่วยงาน แต่หน่วยงานกลับต่างคนต่างทำมากกว่าร่วมกันทำ ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มยกระดับทักษะแรงงาน ลงทุนอย่างน้อย 12 แพลตฟอร์ม ใน 12 หน่วยงาน คาบเกี่ยว 5 กระทรวง แต่ผ่านมา

1 ปี รัฐบาลไม่มีความพยายามที่จะควบรวมแพลตฟอร์มเหล่านี้ แต่กลับมีการเพิ่มแพลตฟอร์มอย่างน้อยหนึ่งแพลตฟอร์ม ซึ่งไม่ได้มีความสามารถใหม่ที่แพลตฟอร์มเดิมทำได้

ส่วนปัญหาแย่งกันทำ เป็นความซ้ำซ้อนในระดับภารกิจ หลายหน่วยงานมีการขีดเส้นและจัดวางภารกิจที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำซ้อนกันอย่างชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติ หลายหน่วยงานกลับมีการขยายภารกิจที่เสี่ยงจะไปซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงพาณิชย์ แม้จะมี 3 กรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าระหว่างประเทศ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แต่ในเชิงปฏิบัติพบว่าปีนี้กรมการค้าระหว่างประเทศจะมีการตั้งงบประมาณ 10-20 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์และมันสำปะหลัง ดูแล้วน่าจะเป็นภารกิจของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมากกว่า

ปัญหาย้ายออกไปทำ เป็นความซ้ำซ้อนในระดับหน่วยงาน การที่เรามีหลายหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อภารกิจ เสี่ยงที่จะซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างการทำงานที่คาบเกี่ยวกับสำนักงานปลัดของแต่ละกระทรวง ภารกิจอย่างหนึ่งคือ แผนและนโยบาย สำนักงานปลัด 18 แห่งจาก 20 แห่งมีการระบุว่าจะทำแผนและนโยบาย ซึ่งอยู่ในพันธกิจของหน่วยงาน แต่ในความเป็นจริงหลายกระทรวงกลับมีหน่วยงานอื่นในระดับกรมที่ถูกตั้งแยกออกมาเพื่อรับผิดชอบเรื่องแผนและนโยบาย

“ดังนั้น หากเราไม่เริ่มต้นปรับปรุงเรื่องการทำงบประมาณโดยการลดความซ้ำซ้อนที่แทรกอยู่ในทุกระดับของระบบราชการ ประเทศเราจะเสี่ยงที่จะไม่เหลืองบประมาณเพียงพอในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประชาชน เสี่ยงไม่มีความคล่องตัวมากพอในการรับมือกับวิกฤตและปัญหาใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามา”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

เปิดเหตุผล ทำไม กนง. ลดดอกเบี้ยรอบนี้? สู่ระดับ 1.50% ต่ำสุดรอบ 2 ปี 5 เดือน พร้อมส่งสัญญาณ ‘หั่นได้อีก’

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กนง. หั่นดอกเบี้ยเหลือ 1.50% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี 5 เดือน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คลังอนุมัติช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท พร้อมเงื่อนไขปฏิรูปการเกษตร พัฒนาตลาด-ลดพื้นที่ปลูกข้าว

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชมคลิป: Corruption Disruptors: Empowering AI to Fight Corruption จบวงจรทุจริตด้วย พลังของปัญญาประดิษฐ์

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

ลีน่าจัง จัดหนัก! ตาเมือนธมไม่ใช่ของเขมร เตือน ฮุนเซน-ฮุนมาเนต ทรยศจีน เขากำลังมาไล่ล่าพวกมึ_

BRIGHTTV.CO.TH

“รสนา” จี้รัฐบาลแสดงความจริงใจห่วงใยบ้านเมือง ต่ออายุราชการ "แม่ทัพกุ้ง" อย่างน้อย 6 เดือน-เชิญมาเป็น รมว.กลาโหม

Manager Online

ยังโหดได้อีก! กองทัพยิวประกาศเริ่มใช้แผนบุกกาซาครั้งใหม่ ขณะเนทันยาฮูเดินกลยุทธ์ขับชาวปาเลสไตน์ออกไป

Manager Online

ทัพรัสเซียเร่งบุกยึดพื้นที่ภาคตะวันออกยูเครน ก่อนหน้าซัมมิตปูติน-ทรัมป์ที่อะแลสกาศุกร์นี้

Manager Online

แมคญี่ปุ่น ยกเลิกโปรโมชั่น Happy Meals เหตุลูกค้าเก็บการ์ดแต่ทิ้งอาหาร

JS100

เปิดยุทธการเขย่าชายแดน! หลังพบแรงงานเขมรพยายามลักลอบกลับเข้าไทย

เดลินิวส์

ชาวอุบลราชธานี ขอบคุณ อดีตนายกฯ ทักษิณ -พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง และรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างต่อเนื่อง

VoiceTV

สเปนสัญญาณสนับสนุนภารกิจที่นำโดยสหประชาชาติเพื่อรักษาเสถียรภาพของฉนวนกาซา

JS100

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไชยา พรหมา รับพระบรมราชโองการ นั่งรองประธานสภา คนที่ 1 ให้คำมั่นใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิตปฏิบัติหน้าที่

THE STANDARD

สภาฯ เริ่มถกงบปี 69 ‘พิชัย’ แจงปรับลด 8.9 พันล้าน รับมือเศรษฐกิจชะลอ

THE STANDARD

พรรคประชาชนมองงบประมาณ 2569 รัฐบาลคิดไม่รอบ หวังรัฐบาลมีแผนสำรองรับมือภาษีทรัมป์ ชี้ทางออกเดียว ออก พ.ร.บ.เงินกู้-ขยายเพดานหนี้

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...