กลาโหม ย้ำ ไม่คิดรุกล้ำอธิปไตย “กัมพูชา”
จากกรณี กระทรวงการต่างประเทศแห่งกัมพูชา (กต.) ได้ส่งจดหมายไปยัง ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) อ้างว่า กองทัพไทยได้ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง และมีการรุกล้ำดินแดนกัมพูชาในพื้นที่อานม้า พร้อมรื้อถอนลวด บ้านเรือนของประชาชนกัมพูชา และใช้เครื่องจักรกลหนักสร้างบังเกอร์ นั้น ล่าสุด กระทรวงกลาโหมไทย แถลงชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวแล้ว
เล่นไม่ซื่อ! เขมรส่งจดหมายร้อง UNSC-เลขา UN กล่าวหาไทย
5 ชั่วโมงก่อนหน้า12 ส.ค. 2025
วันนี้ (12 ส.ค. 68) กระทรวงกลาโหม โดยสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ยืนยัน ไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลฝ่ายไทยรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา พร้อมเคลียร์ชัด ไม่มีแนวคิดข้างต้น มุ่งยึดมั่นข้อตกลง ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) จี้ “กัมพูชา” ตอบรับข้อเสนอเก็บกู้ทุ่นระเบิด – ปราบปรามแก๊งคอลฯ ข้ามชาติ
ระบุว่า
ตามที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับคําสัมภาษณ์ของพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพ ภาคที่ 2 เรื่องปราสาทตาควาย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 และปรากฏการนําเสนอข่าวผ่านบุคคล และสื่อต่าง ๆ ของกัมพูชา นั้น
กระทรวงกลาโหมขอเรียนว่า ฝ่ายไทยไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายกําลังพล เพื่อรุกล้ําอธิปไตยกัมพูชา ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยได้รักษาสถานะการวางกําลังในปัจจุบัน ภายหลังมาตรการหยุดยิงมีผล ณ เที่ยงคืน ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ ฝ่ายไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ตามเงื่อนไขเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ตามที่ตกลงกันไว้ เพื่อให้กองกําลังในพื้นที่ได้หารือเกี่ยวกับมาตรการหยุดยิงในแต่ละพื้นที่ต่อไป
อีกทั้ง ฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในการประชุม GBC อย่างเคร่งครัด พร้อมขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการหยุดยิงอย่างเคร่งครัดเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การงดเว้นการนําเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือข่าวปลอม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนทั้งสอง ฝ่ายเกิดความเข้าใจผิด และร่วมกันสร้างบรรยากาศที่เอื้ออํานวยต่อการพูดคุยอย่างสันติ
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาเร่งตอบรับและให้ความร่วมมือ ในประเด็นสําคัญ 2 ประการ ได้แก่
1. การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะและพื้นที่อื่น ๆ ตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย
2. ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญกรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะ การหลอกลวงออนไลน์หรือออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างกว้างขวาง เพื่อหารือทวิภาคีในทุกระดับและนําไปสู่การปฏิบัติโดยเร็วต่อไป