เปิดรหัสคลิปลับ ดับนายกฯ ‘ตระกูลชิน’ อินไซด์ศาล รธน. ไต่สวนคดีอิ๊งค์ แพทองธารรอด ประเทศไม่รอด!
…ไม่ผ่าน โดยหากไล่ทีละข้อ ในส่วนที่นายกฯ บอกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา หากไปเปิดตำราของ Harvard ที่มีหนังสือออกมาหลายเล่ม ถ้าดูตามหลักนี้ไม่ผ่าน..ส่วนเรื่องที่บอกไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ต้องบอกว่าคำร้องคดีนี้ไม่ใช่เรื่องความผิดคดีอาญา ที่ต้องไปสู้คดีในชั้น ป.ป.ช.-หรือหากตำรวจกองปราบปรามดำเนินคดีที่มีการแจ้งความนายกฯ ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา แล้วตำรวจส่งคดีไปที่ศาลฎีกาฯ อันนั้นไปสู้ได้ แต่คดีที่ศาล รธน.เป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์สุจริต การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
ก่อนจะถึงวันนัดฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคำร้องคดีถอดถอน "แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม" ที่ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค.นี้ อันเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นคดีที่มีผลทางการเมืองสูง ไทยโพสต์ได้สัมภาษณ์พิเศษ "สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต สว.)" ซึ่งเข้าร่วมฟังการไต่สวนคำร้องคดีถอดถอนแพทองธาร ที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจ ซึ่ง "สมชาย อดีตสว." เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ศาล รธน.อนุญาตให้เข้าฟังการไต่สวนเพราะไปยื่นเรื่องขอเข้าฟัง เพราะตอนนี้ก็พ้นจากการเป็น สว.แล้ว ผนวกกับปัจจุบันก็มีการไปสอนหนังสือสอนพิเศษเกี่ยวกับกฎหมายและการเมือง อีกทั้งที่ไปยื่นต่อศาลรธน.เพราะก่อนหน้านี้้เคยไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายกรัฐมนตรีที่กองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะหลังฟังคลิปเสียงดังกล่าว เห็นว่าความรับผิดชอบของผู้นำการเมืองที่ดีในโลกนี้ต้องลาออกทันทีเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่เมื่อยืนยันไม่ลาออกและยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ประเทศชาติไม่ได้เสียอะไร และเธอก็ไม่ได้ทำผิด ผมก็ร่วมหารือกับนักวิชาการ นักกฎหมายร่วม 15 คน โดยเห็นตรงกันหลังจากฟังคลิปดังกล่าว สิ่งที่กล่าวในคลิปเสียงเข้าข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
…ผมก็เลยอยากฟังการไต่สวนของศาล รธน.เพื่อจะดูว่าจะได้ทำอะไรที่ทำให้มีความคืบหน้าในคดีที่ไปแจ้งความไว้ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่เคยไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเอาผิดเรื่องคลิปเสียง ที่ตอนนี้ ป.ป.ช.ยังพิจารณาไม่เสร็จ จึงคิดว่าเมื่อฟังการไต่สวนแล้วก็จะได้มีประเด็นไปยื่นเพิ่มต่อศาล รธน. นอกจากนี้ก็ได้ไปยื่นเรื่องขอให้ศาล รธน.ถ่ายทอดการไต่สวนออกมาจากห้องพิจารณาคดี แต่เหตุผลที่ศาล รธน.ไม่ให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงการไต่สวนออกมาภายนอก ด้วยเหตุว่าเป็นเรื่องที่อาจกระทบกับความมั่นคง เป็นเรื่องที่รับฟังได้
…สำหรับภาพรวมการไต่สวนวันดังกล่าว อย่างพยานบุคคลคนแรก ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. ศาล รธน.ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ส่วนการไต่สวนแพทองธาร นายกฯ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง รวมเวลาการไต่สวน 3 ชั่วโมง ซึ่งก็มีการไต่สวนซักถามกันอย่างละเอียด แต่ต้องย้ำว่าศาล รธน.สั่งห้ามเอาเนื้อหาในคำไต่สวนไปเผยแพร่และไม่ให้บิดเบือน สิ่งที่ผมพูดก็คงได้แค่บรรยากาศภาพรวม และเป็นความเห็นของเราในเรื่องข้อกฎหมายเดิม อันนี้ก็จะพูดได้
“ระหว่างการไต่สวน นายกรัฐมนตรีถือแฟ้มเอกสารที่เป็นแฟ้มใสปึกหนึ่ง แล้วก็จะหยิบอ่าน แต่ศาล รธน.บอกว่าห้ามหยิบอ่าน ก็วางอยู่ข้างๆ นายกฯ ศาลบอกเลยว่าไม่ให้อ่าน แต่ก็ถือว่าตอบได้”
เมื่อถามว่า ภาษากายของนายกฯ และเลขาธิการ สมช.เท่าที่เห็นดูจะมั่นใจว่าตอบได้ “สมชาย” ตอบแบบออกตัวว่า กล่าวแบบไม่เข้าในสำนวน ก็เหมือนกับสคริปต์ที่ยื่นไปแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม (เอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี) ภาพรวมก็เป็นไปตามนั้น
ส่วนการชี้แจงระหว่างการไต่สวนของนายฉัตรชัย ไม่ได้เป็นเรื่องความลับอะไรเยอะ เป็นเรื่องวาระการประชุมของ สมช.ธรรมดา เช่นการอธิบายถึงเรื่องนั้นๆ ว่าทำไมตัดสินใจแบบนั้น สรุปก็คือไปในทางเดียวกันกับนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าซ้อมดี มีสื่อที่เป็นรายการวิทยุบอกว่ามีการซ้อมกันมาก่อนสามวันสามคืน และบอกว่าจะมีบทร้องไห้ด้วย ก็เจอ เลยว่ามันจริงแฮะ ศาล รธน.มีการซักถามคุณฉัตรชัย พอไต่สวนเสร็จก็ให้กลับเลย ไม่ให้เจอกับคุณแพทองธาร โดยระหว่างการไต่สวนทนายความของผู้ถูกร้อง (นายกรัฐมนตรี) ก็มีการซักถามเพิ่มเติมนายฉัตรชัยได้ ก็คือศาล รธน.มีการซักนายฉัตรชัย ส่วนทนายความผู้ถูกร้องก็ซัก โดยก็ซักถามทั้งนายฉัตรชัยและนายกฯ แพทองธารด้วย แล้วทนายฝ่ายผู้ร้องกลุ่มสว.ที่ไปก็ซักได้ การให้ถ้อยคำตอนไต่สวน นายฉัตรชัยก็ไล่ไทม์ไลน์ต่างๆ ในห้องไต่สวน
-ศาล รธน.ซักถามนายฉัตรชัยหรือไม่ว่า ผู้ถูกร้องได้สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองหรือไม่?
อันนี้ลงในรายละเอียดตอบไม่ได้ แต่ต้องย้อนกลับไปตอนที่นายกฯ ส่งชื่อพยานบุคคล 5 ชื่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญที่มีด้วยกัน 5 คน ที่มีทั้งข้าราชการประจำและอดีตข้าราชการประจำ แต่ไม่มีคนที่ควรจะไป เพราะคนที่ควรจะไปคือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ พยาน 3 ปากนี้อยู่กับนายกฯ ที่โรงแรมโรสวูด ผมก็งงว่าทำไมทนายฝ่ายผู้ถูกร้องถึงไม่ส่งชื่อทั้ง 3 คนไปให้ศาล รธน. รวมถึงนายเคลียง ฮวด และภรรยา ที่ก็ไปที่โรงแรมโรสวูดด้วย อันนี้ไม่ได้ปกปิดเพราะนายทักษิณ ชินวัตร เป็นคนออกมาพูดเองว่าไปร่วมประชุมด้วยที่โรสวูด พยานเหล่านี้ในความเห็นของผมคือสิ่งสำคัญ เพราะมีเรื่องของความลับราชการ เพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย และไม่ใช่ที่ทำเนียบรัฐบาล ต้องการสื่อสารอะไรกัน หากพยานเหล่านี้ขึ้นไต่สวน ก็คงโดนศาลซัก แต่กลับไปส่งชื่อพยานห้าปากอย่าง เลขาธิการ สมช., ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่โดยหลักการไต่สวน ผู้ถูกร้องคงไม่เอาพยานที่เป็นปฏิปักษ์ฝ่ายตนเอง
สำหรับการไต่สวน น.ส.แพทองธาร นายกฯ ที่ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่โดยรวมๆ ก็เป็นไปตามเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาที่ยื่นต่อศาล รธน.
-ก็คือชี้แจงว่าเป็นเทคนิคการเจรจา และไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย?
ใช่ ก็อยู่ในกรอบว่าไม่ได้เสียหายอะไร ตัวเองไม่ได้อะไร เป็นเทคนิคการเจรจา ก็เหมือนกับที่นายกฯ เคยแถลงมาตลอด ยืนยันว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ซึ่งผมมีความเห็นต่าง ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา เพราะเทคนิคการเจรจาที่ถูกต้องระหว่างผู้นำประเทศ ไม่ได้โทรศัพท์ไปทักทายว่าสบายดีไหม กินก๋วยเตี๋ยวหรือยัง ไม่ใช่แค่นั้น มันต้องถูกบันทึกเทป ผู้นำทุกประเทศรู้อยู่แล้ว และต้องมีล่าม หากพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้ ต้องมีล่ามทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ล่ามคือนายเคลียง ฮวด ฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว จะต้องมีล่ามจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยงานต่างๆ และการเจรจาระหว่างผู้นำ จะเรียกสิ่งที่ทำว่าไม่ได้เป็นทางการไม่ได้ เพราะในเนื้อหาร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องการเจรจาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา การถอนกำลังทหาร การปิดด่าน การตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า ไม่ได้คุยถามสารทุกข์สุกดิบ จะต้องมีข้อเสนอจากกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคง เป็นข้อเสนอที่มีถือในมือก่อนการเจรจา
และที่สำคัญของการเจรจา เวลาจะเสนออะไรหรืออีกฝ่ายจะเสนออะไร ไม่ใช่แบบในคลิปเสียง ในคลิปให้ฮุุน เซนเสนอฝ่ายเดียวว่าต้องการอะไรบ้าง นายกฯ ไม่ได้เสนออะไรเลย หากดูจากคำถอดเทปที่มีการถ่ายทอดและแปลออกมาจากคลิปความยาวประมาณ 17 นาที
ต้องบอกว่าเคลียง ฮวด เป็นล่ามมาตั้งแต่นายทักษิณ กับฮุน เซน คุยกันแล้วตั้งแต่อดีต เพราะฮุน เซน พูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย ทักษิณพูดภาษาเขมรไม่ได้ เคลียง ฮวด จะเป็นล่ามระหว่างทักษิณกับฮุน เซน เคลียง ฮวด หรือ ผอ.ฮวด ที่มีตำแหน่งอยู่ในเทศบาลพนมเปญ และที่สำคัญที่เรียกว่า ผอ.ฮวด เพราะคอยดูแลคนไทยที่มีคดี 112 คดีก่อการร้ายที่หนีไปอยู่กัมพูชา จึงมีความสำคัญกับฮุน เซนมาก
ในเอกสารที่มีการแปลบทสนทนาในคลิปเสียงและที่ทักษิณยอมรับ คือเคลียง ฮวด ไม่ได้อยู่พนมเปญ แต่อยู่ที่โรงแรมโรสวูด โดยมาที่โรงแรมวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย. ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นโรงแรมโรสวูดของตระกูลชินวัตร มีทั้งนายกฯ ภูมิธรรม, นพ.พรหมินทร์, นายมาริษ และเคลียง ฮวด จะมาร่วมพูดคุยด้วย การมาคุยด้วยคุยอะไรเราไม่รู้ แต่คุยกัน 2-3 ชั่วโมง แล้วมีการต่อโทรศัพท์ถึงฮุน เซน แต่ฮุุน เซนหลับ ซึ่งจากหลักฐานการถอดเทปเสียงในคลิป มีอยู่ตอนหนึ่งเคลียง ฮวด บอกว่า "สักครู่ ท่านได้พูดคุยกับผมที่โรงแรม" ก็ชัดเจนว่าได้คุยที่โรงแรม และได้ตกลงร่วมกัน ตามที่คุณพ่อได้กล่าวว่า "ต้องการให้ทั้งสองมีเสถียรภาพครับ คุณพ่อครับ" เคลียง ฮวด จะเรียกฮุน เซน ว่าคุณพ่อ อุ๊งอิ๊งก็บอกว่าโอเคค่ะ บอกว่าวันนี้ได้คุยกับพี่ฮวดเรื่องชายแดน บอกว่าเข้าใจตรงกัน ท่านฮุน เซน และอิ๊งค์อยากให้สองประเทศสงบสุข คุณแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี เอาความลับเรื่องชายแดนไปคุยกับนายฮวดได้อย่างไร นายฮวดไม่ใช่ฮุน เซน ไม่ใช่ฮุน มาเนต มีการไปคุยกันมาก่อน
สิ่งสำคัญที่ได้จากการถอดเทปบทสนทนาในคลิปเสียง คือนายฮวดได้รู้ความลับเกี่ยวกับประเทศหลายเรื่อง การแปลจึงเป็นการแปลตามความเข้าใจของนายฮวด ที่มีการประชุมกันมาก่อน มันจึงไม่ตรงกับคำถอดเทปคนอื่นหรือที่แพทองธารบอกว่าไม่รู้อะไรเลย แต่จริงๆ ฮวดรู้เยอะแล้วและไปเล่าให้ฮุน เซนฟัง ในหลายตอนของคลิปเสียงที่ผมถือว่าอันตราย เช่นที่บอกว่า ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังคนอื่น คนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา ที่เอ่ยถึงแม่ทัพภาคที่ 2 แต่ตอนที่เคลียง ฮวด แปลให้ฮุน เซนฟัง คือ "ขอให้คุณพ่ออย่าไปฟังคำพูดแม่ทัพภาคที่ 2 คนนั้น เพราะเป็นบุคคลฝั่งตรงข้ามรัฐบาลไทย" ทำไมนายฮวดเข้าใจอย่างนั้นได้ และนายฮวดยังพูดกับฮุน เซน อีกว่า "และเป็นศัตรูด้วยครับคุณพ่อ" อันนี้เขาแปล แต่เขาแปลจากอะไร แปลไม่ตรงกับที่อุ๊งอิ๊งพูด มันแปลจากข้อมูลที่รับรู้มาก่อนหรือไม่ หรือนายฮวดบิด แต่ความเห็นของผมมันมีการประชุมที่โรสวูด ก็เลยนำสิ่งเหล่านี้ไปเล่าตามที่นายฮวดรู้เรื่อง เข้าใจเรื่อง ที่ยังมีอีกหลายตอนเยอะมาก ที่บ่งบอกว่าฮวดเข้าใจเรื่องแบบนี้ แล้วแปลออกมาแบบนี้
เอกสารคำแปลทั้งหมดดังกล่าวหากยังไม่ได้อยู่ในสำนวน ผมก็แนะนำ สว.ปัจจุบันกลุ่มที่เข้าชื่อกันยื่นคำร้องต่อศาล รธน. ว่าควรมีการเอาเข้าสำนวนส่งศาล รธน. จะเอาจากเฟซบุ๊กผมหรือขอมาที่ผมก็ได้ ที่ยืนยันได้ว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารจริง หรือไปขอที่หน่วยของทหารก็ได้
-เห็นมีข่าวว่านายกฯ ชี้แจงลื่นไหลมาก?
ก็ลื่นไหลจริง โดยบุคลิกเขาได้อยู่แล้ว ผมอ่านคนแบบนั้นอยู่แล้วว่าสามารถทำได้ แต่ในการพิจารณาไต่สวนของศาล รธน.ไม่ได้ฟังเฉพาะคำให้การเมื่อวันที่ 21 ส.ค.แล้วชี้ว่าถูกหรือผิด หลักการพิจารณาจะมีประมาณ 4-5 จุด เช่นคำร้องของ สว.ที่ทราบว่าก็มีการส่งคลิปไปให้ศาล รธน. คำแก้ต่างหรือคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หรือเอกสารที่หากค้นได้ควรไปค้นคือ หนังสือที่เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ทำหนังสือลงวันที่ 9 มิ.ย.ถึงเลขาธิการ สมช.เพื่อส่งมาตรการที่รับมาจาก สมช.ที่มีการประชุม สมช.วันที่ 6 มิ.ย. ที่กัมพูชารุกล้ำดินแดนไทย สมช.มีมติให้กองทัพไปประชุมแล้วเสนอมาตรการมาว่าจะทำอย่างไร กองทัพก็เสนอมาพร้อมกันหมด ให้ปิดด่าน ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต
พอวันที่ 7 มิ.ย.มีการปิดด่านโดย ผบ.ทบ.-แม่ทัพภาคที่ 1-แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นต้น ที่หาก สว.จะนำเอกสารไปส่งศาล รธน.ก็นำไปส่งได้ และเอกสารวันที่ 9 มิ.ย.ที่สำคัญมากที่เขียนว่า "เนื่องจากข้อพิพาทที่กัมพูชารุกล้ำอธิปไตย รุกล้ำอธิปไตยฯ จึงเสนอต่อเลขาธิการ สมช.เพื่อนำเข้าที่ประชุม สมช.ตามมติวันที่ 6 มิ.ย." ที่ สมช.ต้องประชุมวันที่ 16 มิ.ย. แต่แพทองธารโทรศัพท์คุยกับฮุน เซน วันที่ 15 แต่วันที่ 16 มิ.ย.ไม่มีการประชุม สมช. แต่นายกฯ ประชุมกับ ผบ.เหล่าทัพบางคน บางหน่วย ไม่ใช่การประชุมใหญ่ แล้วก็มีคำว่าไม่ professional ออกมา หลังฮุน มาเนต ไปโพสต์เฟซบุ๊กตอนเช้าว่าไทยจะเปิดด่านให้แล้ว พอนายกฯ พูดคำนั้นก็มีการปล่อยคลิปออกมาวันที่ 18 มิ.ย. เอกสารเหล่านี้ควรส่งเข้าไปในสำนวน ซึ่งตอนที่มีการไต่สวนเมื่อ 21 ส.ค.ตัวนายกฯ ก็มีการให้การต่อศาล รธน.ประมาณนี้
นายกฯ อิ๊งค์แก้ตัวศาล รธน.-ฟังไม่ขึ้น
-จากที่ฟังไต่สวน ที่นายกฯ บอกกับศาล รธน.ว่า เป็นเทคนิคการเจรจา ไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย คิดว่าผ่านหรือไม่?
ไม่ผ่าน โดยหากไล่ทีละข้อ ที่บอกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา หากไปเปิดตำราของ Harvard ที่มีหนังสือออกมาหลายเล่ม ถ้าดูตามหลักนี้ไม่ผ่าน และที่สำคัญหลักการเจรจา หากเราเป็นคนที่จะไปเจรจา เราต้องเตรียมไปก่อนว่าเราต้องการอะไร แต่ในคลิป 17 นาทีไม่มีเราต้องการอะไรเลย มีแต่ไปรับฟังว่าฮุน เซนต้องการอะไร อันนี้ไม่ใช่การเจรจา หลักสำคัญในเรื่องเทคนิคการเจรจาถือว่าไม่ผ่าน เป็นคำแก้ตัวและเพิ่งมาใช้ในการเขียน (คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา) หลังประชุมทีมกฎหมาย ทำไมไม่พูดตั้งแต่วันแรกๆ ในการแถลง
ส่วนเรื่องที่บอกไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ต้องบอกว่าคำร้องคดีนี้ไม่ใช่เรื่องความผิดคดีอาญา ที่ต้องไปสู้คดีในชั้นป.ป.ช. หรือหากตำรวจกองปราบปรามที่มีการแจ้งความนายกฯ ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา แล้วตำรวจส่งคดีไปขึ้นศาลฎีกาฯ อันนั้นไปสู้ได้ แต่คดีที่ศาล รธน.เป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์สุจริต การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
สำหรับที่บอกว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น แสดงว่านายกฯ ไม่เห็นคนตายที่ร้านสะดวกซื้อ 8 ศพ ไม่เห็น รพ.ถูกยิงด้วยจรวด BM-21 ไม่เห็นทหารเสียชีวิต 15 ศพ ไม่เห็นทหารขาขาดเลยหรือ
-นายกฯ ก็อ้างว่าที่ปะทะกันไม่ได้มาจากตัวนายกฯ แต่เกิดจากฮุน เซน?
ก็ได้ แต่ตกลงประเทศโชคร้ายที่ไม่ยอมรับอีก ก็อ้างไปเถอะ อ้างตลอดว่าดิฉันไม่ได้อะไร ประเทศชาติไม่เสียหายอะไร ก็ลองถามญาติของคนที่เสียชีวิต หรือแม่ของทหารที่เสียชีวิต เขาเสียหายไหม แต่ผมเชื่อว่านี้คือต้นเหตุ ยืนยันว่าต้นเหตุมาจากตรงนี้ จากคลิปเสียงนี้
-กระแสข่าวมติตุลาการศาล รธน.ที่จะออกมา เช่น 7 ต่อ 2?
ก็เห็นมีตั้งแต่ 9-0, 7-2 และ 5-4 แต่ผมยังอยู่ฝั่งว่าไม่ผ่าน ก็มีการปล่อยข่าวลือเรื่องมติ 5-4 (ให้นายกฯ ขยายเวลาในการยื่นเอกสารคำชี้แจง แต่ให้ไม่ครบตามที่ร้องขอมา 15 วัน) ที่ผมยังไม่เชื่อในข่าวลือมตินี้ แต่บังเอิญมันไปใกล้เคียงกับมติ 5-4 ในคดีเศรษฐา ทวีสิน ที่ผมไปยื่นต่อศาลรธน. แต่เศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกฯ แต่คราวนี้ไปลือกันอีกแต่กลับข้าง (นายกฯ ไม่หลุดจากตำแหน่ง) ซึ่งผมก็ยังไม่เชื่อ เพราะความผิดของนายกฯ แพทองธารหนักกว่าของนายเศรษฐา
คือผมมีส่วนร่วมตั้งแต่การร้องศาล รธน.คดีสมัคร สุนทรเวช คดีชิมไปบ่นไปและถือหุ้นสื่อ ในการร่วมลงชื่อและร่วมทำสำนวนบ้างเล็กน้อย และคดียิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีการย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช.เพื่อเอื้อประโยชน์เครือญาติ และคดีเศรษฐากรณีการตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้ง 3 คดีข้างต้นรวมกันแล้วความผิดยังไม่เท่าคดีแพทองธาร เพราะคดีของเขาเป็นเรื่องความมั่นคง เนื้อหาในคลิป 17 นาทีเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ฮุน เซนพูดฝ่ายเดียวให้ไทยถอนทหาร ให้เปิดด่าน ทั้งที่เพิ่งปิดด่าน มีมติ สมช. 6 มิ.ย. ผู้นำเหล่าทัพปิดด่านวันที่ 7 มิ.ย. แล้ววันที่ 15 มิ.ย.ยังไม่มีการตัดไฟตัดอินเทอร์เน็ตเลย แต่จะรีบเปิดด่านแล้ว แล้วมีการประชุมวันที่ 16 มิ.ย.มีการตั้ง ศบ.ทก.ขึ้นมา มันเลยทำให้ความหนักแน่นในการกดดันกัมพูชาตามที่ ผบ.เหล่าทัพเสนออ่อนยวบลง
-แล้วไม่ซื่้อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตรงไหน?
ต้องกลับไปดูว่าการไม่ซื่อสัตย์สุจริต กับการประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงคือ ประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ตั้งแต่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งนำความลับทางราชการ ไปบอกฮุน เซน ที่ไม่ใช่นายกฯ กัมพูชา เป็นอดีตนายกฯ หากเจรจากับฮุน มาเนต แบบนี้หรือเจรจาสองฝ่ายก็อีกเรื่องหนึ่ง และยังเจรจากับเคลียง ฮวดที่โรงแรม ความลับราชการก็รั่วไหลไปเยอะ และเสียอธิปไตยก็เห็นแล้ว มีการยิงจรวดใส่ประเทศไทยจนเกิดการสู้รบ ทำให้เสียอธิปไตยปราสาทตาควายบางส่วนไป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากแพทองธาร ใช้ความเป็นนายกฯ ผมไม่อยากใช้คำว่าเอื้อประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม เพราะไปดูความสัมพันธ์ของสองตระกูล มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันมา 20-30 ปี
ส่วนการที่ให้สัมภาษณ์แนะนำให้นายกฯ ลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. เพราะไหนๆ ก็ขาดคุณสมบัติหลายเรื่อง เช่นขาดประสบการณ์ เพราะหากฟังจากคลิปเสียง แพทองธารก็เหมือนกับลูกแกะที่ไปเจอจิ้งจอกเฒ่าอย่างฮุน เซน แต่แพทองธารไม่เคยเล่นการเมือง ไม่เคยทำงานราชการ อยู่ๆ พรวดมาเป็นนายกฯ เลย เจอแบบนี้ไปต่อไม่ได้ เมื่อไปไม่ได้แล้วยังทำผิดพลาด เกิดกรณีคลิปเสียงฮุน เซน ผมก็เรียกร้องตั้งแต่วันที่มีการเผยแพร่คลิปวันที่ 18 มิ.ย.ให้นายกฯ ลาออกเพราะเป็นความรับผิดชอบของผู้นำประเทศ และอนาคตยังมีต่อ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคงประเทศ นำไปสู่การสู้รบ วันนี้ผมก็อยากถอดชนวนที่จะนำไปสู่ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา แพทองธารก็ต้องลาออกก่อน
-หากลาออกไป ก็ได้รัฐบาลชุดเดิมจากเพื่อไทย?
ตอนนายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่ง มีการตั้งรัฐบาล มีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นมาก่อน ก็มีข่าวว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ บอกว่านายชัยเกษมมีปัญหา ไม่รู้พูดจริงหรือไม่ ก็มีเรื่อง 112 หากจะเป็นนายชัยเกษมผมก็ไม่ขัดข้อง แต่เรื่อง 112 ของนายชัยเกษมหมดไปแล้วหรือ ก็เป็นแผล ก็เลือกกันให้ดีในสภา แต่ตอนนี้บ้านเมืองมีปัญหา เราต้องเอานายกฯ ที่จะถูกแบล็กเมล ที่ฮุน เซนบอกว่ามีคลิปอีกตั้ง 5 ชั่วโมงสามารถปล่อยได้ออกไปก่อน แล้วผมเชื่อว่าสงครามจะเบาลง
ถ้าแพทองธารรอด ประเทศไม่รอด!
-จะเกิดอะไรขึ้นหากแพทองธารรอด แล้วบริหารประเทศต่อไป?
ประเทศไม่รอด ผมไม่ได้พูดในฐานะที่ไปร่วมชุมนุมกับประชาชนอย่างเดียว (กลุ่มรวมพลังฯ) แต่ผมเห็นบรรยากาศแค่วันที่คลิปหลุด ขนาดผ่านไป 10 วันที่มีการนัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิวันที่ 28 มิ.ย. คนมาร่วมชุมนุมเกือบแสน คลิปนี้ประชาชนได้ฟังกันหมดอยู่แล้ว ถามประชาชนก็ได้ว่าเขาคิดเห็นอย่างไร ผมเชื่อว่าเหมือนกับผลโพลของนิด้าโพลที่ออกมา ที่พบว่าความเชื่อมั่นประชาชนที่มีต่อรัฐบาลเหลือ 4 เปอร์เซ็นต์ วันนี้อยู่ได้เพราะกองทัพในการปกป้องอธิปไตย แล้วจะตอบอย่างไร หากแพทองธารไม่ผิดแล้วไม่ออก
-แล้วเกิดนายกฯ ชนะคดีแล้วลาออกทันทีเลย เพื่อให้เห็นว่าไม่ผิดแต่ยินดีลาออก?
ชนะแล้วลาออกทำไม ถ้าจะลาออกก็ลาออกก่อนแพ้ ผมไม่เชื่ออย่างนั้น เพราะหากชนะ คุณพ่อ (ทักษิณ) ไม่ให้ลาออกหรอก เดินหน้าลุยต่อ แต่ผมดูรูปคดีแล้ว หลักการพิจารณามันต้องมาตั้งแต่คำร้อง การที่ศาล รธน.ให้มีการเปิดห้องไต่สวนเพิ่มเติม และคำแถลงการณ์ปิดคดี ตุลาการศาลรธน.แต่ละคนจะใช้ดุลยพินิจจนเป็นคำวินิจฉัยส่วนตน จนเป็นคำวินิจฉัยกลาง แต่จะมีมติออกมาเท่าไหร่ก็ตาม ผมเชื่อว่าไม่รอด และหากไม่ลาออกก่อนก็ไปรอรับผลคำวินิจฉัยวันที่ 29 ส.ค. แต่หากสมมุติผมเป็นคนในครอบครัว ผมก็จะแนะนำให้ลาออก เพื่อเซฟเก็บตัวเองไว้สู้ในอนาคตได้
"ส่วนที่ผมเชื่อว่าแพทองธารจะลาออกหลังประชุม ครม.วันอังคารที่ 26 ส.ค. ก็เพราะที่มีมติแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ และอีกหลายตำแหน่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็เชื่อว่าอาจจะมีการย้ายกันอีกรอบหนึ่งในวันอังคารที่ 26 ส.ค. ให้สะเด็ดน้ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหากลาออกก็ลาออกหลังวันอังคาร"
-แต่หากเพื่อไทยจะดันนายชัยเกษม นิติสิริ พรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ก็ไม่เห็นมีท่าทีคัดค้านอะไร อาจยินดีอยู่ใต้โครงสร้างแบบปัจจุบัน แล้วอีก 3 เดือนค่อยยุบสภาก็ได้?
ก็อาจยุบสภาอาทิตย์ถัดไปเลยก็ยังได้ เพราะถ้านายชัยเกษมเป็นนายกฯ ก็มีอำนาจเต็มแล้ว อาจอยู่ไม่ถึง 3 เดือน แกอาจยุบสภาจริงหรืออาทิตย์เดียวก็ยุบได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้อาจหนุนนายชัยเกษมก็เป็นไปได้ เพราะผลประโยชน์ของพรรคสำคัญกว่าผลประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของการเป็นรัฐมนตรีสำคัญกว่าผลประโยชน์ของชาติ แล้วก็จะเกิดการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาต่อไป คือถ้าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว มันก็เป็นแบบนั้น ก็เสียงปริ่มน้ำกันแบบนี้ ก็ไปไหนไม่รอดอยู่ดี แต่หากไปดูผลสำรวจนิด้าโพลที่ออกมาชัดมาก ประชาชนบอกว่าไม่เอาพรรคการเมืองและคนเก่าเลย 50 เปอร์เซ็นต์ไม่เอาคนเก่า ความเชื่อมั่นต่อกองทัพกับความเชื่อมั่นรัฐบาลปัจจุบัน ยุบสภาเมื่อไหร่ก็แพ้เลือกตั้งแน่
ส่วนคดีของแพทองธารไม่โยงไปถึงคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจของนายทักษิณ ที่ศาลฎีกาฯ นัดวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งคดีชั้น 14 ไม่รอดเหมือนกัน เพราะที่ศาลฎีกาฯ ไต่สวนพยาน 37 ปาก ผมขาดฟังไปประมาณหนึ่งปากครึ่ง คือไปฟังทุกนัด ไปมากกว่าใครทั้งหมด ไปตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาฯ แถลงว่าไม่รับคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ แต่ศาลฎีกาฯ รับไว้เป็นคดีเอง และนัดไต่สวนวันแรกที่มี ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาไต่สวน พอดีไปต่างประเทศ แต่หลังจากนั้นทุกนัดที่ศาลฎีกาฯ ไต่สวนผมไปฟังด้วยตัวเองหมด
จากการฟังการไต่สวน พยานบุคคลที่ศาลฎีกาฯ เรียกมาไต่สวนมีปัญหาเรื่องการให้การที่ไม่ตรงเยอะมาก ศาลฎีกาฯ ก็น่าจะกลับไปให้มีการบังคับคดี นายทักษิณก็มีสิทธิ์สองทางคือ กลับไปรับโทษในเรือนจำ 1 ปีหรือ 6 เดือนอย่างต่ำ แต่เขาไม่น่าจะยอมกลับไป ผมเชื่อแบบนั้น เพราะขนาดเข้าไปวันแรกถึงตอน 23.59 น.ยังไม่ยอมอยู่จนพ้นเที่ยงคืนเลย หากวันที่ 9 ก.ย.เขายอมก็ดีจะได้เข้าสู่กระบวนการ เพราะผมเชื่อว่าการบังคับโทษครั้งนั้นยังไม่ได้ทำ ก็ต้องกลับเข้าเรือนจำ แต่หากไม่ยอมก็ต้องหนี พูดตรงๆ ก็คือก็ต้องไม่อยู่วันที่ 9 ก.ย.เพราะศาลฎีกาฯ อ่านคำสั่งวันนั้นเลย ที่ผมเชื่อว่าหนี เพราะการที่วันเดียวยังไม่ยอมติด แล้ว 6 เดือนจะไปยอมติดได้อย่างไร
…scenario การเมืองที่อยากเห็นคือการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ ซึ่งเราอยู่ในภาวะการศึก ตอนอังกฤษทำท่าจะแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร จาก สส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล มีการให้เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้แพทองธารเป็นแค่ลูกแกะ ไปรบกับจิ้งจอกเฒ่า ฮุน เซน ทำไม่ได้ และได้กระทำความผิดจริยธรรมจากเรื่องคลิปชัดเจนมาก ในทางการเมืองต้องยอมรับผิด
-เรื่องที่มีการไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบสวนเอาผิด ครม.และ สส.กับ สว.ว่าฝ่าฝืนมาตรา 144 เมื่อใดจะมีความชัดเจนว่า ป.ป.ช.จะส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ?
ครั้งสุดท้ายที่เราไปสำนักงาน ป.ป.ช. ก็ไปหลังครบ 60 วันที่ ป.ป.ช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ขึ้นมาพิจารณา ก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เขาก็ยืนยันว่าทำเสร็จแล้ว ขณะนี้กำลังรอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็อยู่ที่ความเห็นของกรรมการ ป.ป.ช.ว่าจะเห็นด้วยกับที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่หรืออนุกรรมการเสนอมาหรือไม่
หาก ป.ป.ช.เห็นด้วยก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญ หากยังไม่เห็นด้วยก็อาจให้กลับไปทำเพิ่ม อันนี้เราก็ไม่รู้ คือกฎหมายเขียนว่าให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนในทางลับโดยพลัน ซึ่งคำว่าโดยพลันก็ไม่ได้ระบุเวลาว่า 15 วันหรือ 60 วัน แต่เราถือว่าการที่ ป.ป.ช.มีมติให้สอบภายใน 60 วัน ก็ถือว่ากระทำการโดยพลันแล้ว เชื่อว่าหากการประชุม ป.ป.ช.มีวาระนำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาเมื่อใด แล้วกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีความเห็นเป็นอื่นก็น่าจะส่งศาล รธน. เพราะแค่ ป.ป.ช.เห็นว่ามีมูล ไม่ต้องไปชี้ว่าใครผิด ใครไม่ผิด ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ที่คิดว่าประมาณเดือนกันยายน ป.ป.ช.ควรจะส่งศาล รธน.
หากศาล รธน.รับคำร้องแล้วใช้เวลาการพิจารณา 15 วัน ก็จะจบภายในเดือน ต.ค. เรื่องมาตรา 144 ก็มองได้หลายมุม บางคนบอกว่าเป็นสึนามิกวาดเรียบเลย แต่บางมุมบอกว่าแค่ ครม.และบางมุมก็บอกว่าแค่คณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ของสภาฯ เรื่องนี้ ครม.ไม่เกี่ยว แต่ผมมองว่า ครม.เกี่ยว เพราะหากครม.ไม่ระงับยับยั้งก็โดน ส่วน ส.ส.-ส.ว.ก็ไปสู้ว่าเช่น สส.บอกว่าเป็นการลงมติตามพรรคการเมืองต้นสังกัด
"scenario การเมืองที่อยากเห็นคือ การเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ ซึ่งเราอยู่ในภาวะการศึก ตอนอังกฤษทำท่าจะแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง สส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่มีการให้เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้แพทองธารเป็นแค่ลูกแกะไปรบกับจิ้งจอกเฒ่า ฮุน เซน ทำไม่ได้ และได้กระทำความผิดจริยธรรมจากเรื่องคลิปชัดเจนมาก ในทางการเมืองต้องยอมรับผิดและน้อมรับลาออกจากตำแหน่ง หากนายกฯ แพทองธารออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นใครก็ตาม ผมเชื่อว่าสถานการณ์การสู้รบชายแดนจะพลิก ดีขึ้น
ส่วน scenario หากมีการเลือกแล้วยังเป็นปัญหาแบบเดิม ปัญหาก็อาจลดไปบางส่วนแล้วมาเพิ่มปัญหาใหม่ เรามีบทเรียนมาแล้วหลายครั้งในฐานะที่เคยไปยื่นศาล รธน .ทำให้นายกฯ ออกไปหลายคน เวลาเปลี่ยนก็ขอให้เปลี่ยนให้ดี ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ประเทศมาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะผมไปเอานายกฯ ออก แต่มาถึงวันนี้ได้ เพราะคุณปล่อยให้ประเทศชาติกลายเป็นการเล่นเกมของกลุ่มบ้านใหญ่ กลุ่มธุรกิจทุนการเมือง ทุจริตคอร์รัปชัน เป็นเรื่องของสมบัติในตระกูลผลัดกันชม มันถึงเกิดความเสียหาย
ถ้าเราจะเปลี่ยนให้ประเทศไทยกลับมารีเซตได้ใหม่ สู้ในอาเซียนได้ เราต้องคิดเปลี่ยนในทางบวกหลายๆ เรื่อง หวังว่าประเทศจะเปลี่ยนแบบนั้นเพราะอะไรหลายอย่าง ได้ตอกย้ำถึงความล้มเหลว เกือบเป็น Failed State ซึ่งประเทศหลายประเทศที่มันลงมาต่ำแบบนี้ เขาก็ยังสามารถลุกขึ้นมาผงาดได้
สิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องลุกขึ้นและช่วยกันทำ อย่ายอมให้สมบัติผลัดกันชม เอาพ่อเป็นรัฐมนตรีบ้าง เอาลูกเป็นรัฐมนตรีบ้าง สลับไปสลับมา แบบนี้คือความเสียหาย โดยไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถมาทำงานเลย วันนี้ที่เป็นปัญหาทั้งหมดในความอ่อนแอ แต่กองทัพกับประชาชนมีความแข็งแรง แต่การเมืองอ่อนแอ การต่างประเทศอ่อนด้อย เราถึงเกิดปัญหา” อดีต สว.สมชายระบุ.