มส.มีมติให้ทุกวัดต้องตั้ง ‘คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพย์สิน’
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 19/2568 โดยภายหลังการประชุม รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม แถลงผลการประชุมมส. ว่า มส.มีมติเห็นชอบให้ทุกวัด แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ซึ่งจากเดิมจะเป็นอำนาจของเจ้าอาวาส กับไวยาวัจกรเท่านั้น ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนและช่องทางออนไลน์ เกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการภายในวัด ทั้งในด้านการจัดเก็บข้อมูลและบัญชี ตลอดจนการรายงานข้อมูลที่ยังขาดมาตรฐานและความโปร่งใส ซึ่งบางกรณีส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของคณะสงฆ์และความเชื่อมั่นของพุทธศาสนิกชนโดยรวม เพื่อป้องกันมิให้ปัญหาดังกล่าวพัฒนาไปสู่วิกฤติศรัทธาต่อสถาบันพระพุทธศาสนา เห็นควรให้จัดระเบียบการบริหารจัดการภายในวัดให้เป็นไปโดยชอบธรรม มีระบบถ่วงดุล ตรวจสอบ และเปิดโอกาสให้คฤหัสถ์เข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะที่เกื้อหนุนต่อบทบาทของคณะสงฆ์ โดยมีบุคคลผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยฝ่ายฆราวาส กำกับ ดูแลกิจการของวัดอย่างโปร่งใส ขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้พัฒนาระบบบัญชีวัด เพื่อเป็นกลไกในการยกระดับมาตรฐาน ความน่าเชื่อถือด้านการจัดทำบัญชี การรายงานผล และตรวจสอบภายในของวัดทั่วประเทศ อันจะเอื้อให้เกิดความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด และเพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการรักษาและพัฒนาวัด
รศ.ดร.ชัชพล กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น มส.จึงมีมติให้วัดทุกวัดแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด เพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองให้ข้อเสนอแนะเจ้าอาวาสในการวางแผน กำกับ ดูแล และจัดการศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี โดยมีองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ 1.เจ้าอาวาส เป็นประธานกรรมการ 2. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินหรือบัญชี จำนวนอย่างน้อย 1 คน เป็นกรรมการ ซึ่งอาจเป็นบุคคลภายนอกหรือบุคคลในท้องถิ่นที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อให้คำปรึกษา ตรวจสอบ หรือรับรองความถูกต้องของการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัด 3.ตัวแทนภาคประชาชนในชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า 2 คน เป็นกรรมการ ซึ่งอาจเป็นผู้มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนหรือมีตำแหน่งหน้าที่อันเป็นที่ยอมรับในสังคม เช่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ประธานชุมชน หรือผู้แทนองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ และต้องเป็นผู้มีจริยธรรมดีงาม มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย และไม่อยู่ในระหว่างต้องโทษหรือเคยต้องโทษคดีอาญา เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาคมร่วมตรวจสอบ ถ่วงดุล และสนับสนุนการบริหารกิจการของวัดอย่างมีส่วนร่วม 4.ไวยาวัจกร เป็นกรรมการและเลขานุการ ปฏิบัติที่หน้าที่ฝ่ายคฤหัสถ์ ในการจัดการทรัพย์สินแทนคณะสงฆ์
“คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง มีวาระการดำรงตำแหน่ง คราวละ 2 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ ในกรณีที่มีเหตุอันควร เจ้าอาวาสอาจมีคำสั่งให้กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระได้ และมส.ยังให้วัดทุกวัดนำระบบบัญชีวัดของพศ.ซึ่งได้จัดทำและเผยแพร่เป็นแนวทางปฏิบัติไว้ ไปใช้ในการดำเนินการทางบัญชีของวัดโดยเคร่งครัดด้วย” รศ.ดร.ชัชพล กล่าว