ฮอร์โมนอายุยืนยาวคนในเขต'บลูโซน' ที่ไม่เหมือนใครในโลก
แดน บิวต์เนอร์ นักเขียนที่ไขความลับคนอายุยืน 100 ปีและสุขภาพดี พวกเขากิน อยู่ และใช้ชีวิตอย่างไร โดยเน้นเรื่องราวของคนในเขตบลูโซน 5 เมือง อาทิ โอกินาวา (ญี่ปุ่น),ซาดิเนีย (อิตาลี),อิคาเรีย (กรีซ) โลมา ลินดา (อเมริกาและนิโคยา (คอสตาริกา ) ซึ่งมีคนหยิบยกมาเป็นตัวอย่างมากมาย
และครั้งนี้ในงานThailand Wellness & Healthcare Expo 2025 หัวข้อ ชีวิตวิถีบลูโซน : ฮอร์โมนกับความยืนยาวของชีวิต นำเสนอโดย นพ.ภัทร วิริยะบัณฑิตกุล และนพ.จุทศ จักกายชวดล Co-Founders 120 WELLNESS VILLA มาช่วยกันบรรยาย โดยผู้เขียนนำบางประเด็นมานำเสนอ
ถ้าอยากมีอายุยืนและสุขภาพดีแบบคนในเขตบลูโซน อย่าใช้ชีวิตสบายเกินไป ในบ้านคนโอกินาวา (ญี่ปุ่น) เลือกทำกิจกรรมในทุกๆ วันบนเสื่อทาทามิมากกว่าการนั่งเก้าอี้สบายๆ เนื่องจากทุกครั้งที่นั่งและลุกขึ้นยืน ทำให้พวกเขาได้เคลื่อนไหว และในชีวิตประจำวันมีเครื่องอำนวยความสะดวกน้อยมาก ส่วนพื้นที่ของชาวซาดิเนีย อิตาลี มีเนินสูงๆ ต่ำๆ และบันได พวกเขาจึงได้ออกกำลังกายทุกวัน
คุณหมอทั้งสองแนะว่า แต่ละวัน คนเราควรเดินให้ได้กว่า 4,000 ก้าว ถ้าเพิ่มจำนวนก้าวได้ยิ่งดีต่อสุขภาพ หลังรับประทานอาหาร ควรเดินย่อยอาหาร 2-5 นาที และถ้ามีโอกาสควรงีบหลับสัก 20-30 นาที เพื่อทำให้ร่างกายผ่อนคลาย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ไม่ควรงีบหลังเวลา 15.00 น. และบ่ายๆ เย็นๆ ไม่ควรหลับลึก
ความเครียดจัดการได้
ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดคือ ฮอร์โมนคอร์ติซอล ถ้าจัดการไม่ได้ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมาตลอดเวลา เมื่อสะสมนานๆ จะส่งผลต่อสุขภาพกายและจิต
ในงานวิจัยกลุ่มคนอายุร้อยปี คนในเขตบลูโซนช่วงเช้าที่ทำงาน ฮอร์โมนความเครียดจะหลั่งออกมาบ้าง ส่วนช่วงบ่ายๆ พวกเขาพัก ก็จะมีความเครียดน้อยกว่าคนกลุ่มอื่น
โดยส่วนใหญ่คนกลุ่มอายุร้อยปี จะนาฬิกาชีวิตดีมาก ในช่วงกลางคืน ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินเกือบเท่าคนอายุ 30 ปี
"ในงานวิจัยมีการเปรียบเทียบฮอร์โมนคนโอกินาวากับคนอเมริกันที่อายุเท่ากัน พบว่า คนโอกินาวามีฮอร์โมนต้านเครียดสูงกว่าและลดลงช้ากว่าคนทั่วไป เมื่อไม่เครียด ก็อ่อนเยาว์"
คุณหมอทั้งสองแนะเทคนิคแก้ความเครียดว่า ให้หายใจเข้าลึกๆ 2 ครั้ง แล้วปล่อยลมหายใจออกทางปาก เพื่อกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก(ส่วนหนึ่งของระบบประสาทอัตโนมัติ) หรือไม่ก็ลองนั่งสมาธิ ใช้วิตามิน รวมถึงฮอร์โมน
ความเหงา ฆ่าคนได้
วกกลับมาที่บลูโซนแห่งใหม่ในเอเชีย นั่นก็คือ สิงคโปร์ กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุเต็มรูปแบบ เมื่อผู้นำมองเห็นปัญหาความเหงาของคนสูงวัยจึงออกนโยบายเพื่อให้คนคลายเหงาและมีความสุขมากขึ้น
ในครอบครัวหนึ่ง หากลูกคนใดอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับพ่อแม่ รัฐจะมีรางวัลให้ 6 แสนบาท และยังมีเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือก หากลูกคนใดอยู่กับพ่อแม่ในบริเวณพื้นที่ไม่เกิน 4 กิโลเมตร รัฐมีรางวัล ให้ประมาณ 4 แสนบาท
นอกจากนี้ในพื้นที่จำกัดของสิงคโปร์ มีแนวนโยบายสร้างหมู่บ้านแนวตั้ง โดยให้ผู้สูงอายุอยู่ชั้นบน ชั้นกลางๆ เป็นพื้นที่คลินิก ร้านอาหาร และพื้นที่พบปะทำกิจกรรมร่วมกันลดความเหงา
ส่วนเรื่องสวนสาธารณะรอบๆ พื้นที่เมืองเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่พบเห็นตลอดเวลา คนสิงคโปร์สามารถเดินทางไปทำกิจกรรมเดินทางได้ภายใน 20 นาทีสามารถปั่นจักรยานและเดินได้
เหล่านี้ผู้นำมองว่า โมเดลบลูโซน จะทำให้สุขภาพกายและจิตของคนสิงคโปร์ดีขึ้น โดยเน้นการแพทย์เชิงรุก ไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน