"พระเทพวชิรเวที"เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย แจงโดนกุข่าวประสบอุบัติเหตุขณะไปหาสีกา
(21ก.ค.68) จากกรณีเพจเฟซบุ๊กหนึ่งนำเสนอภาพอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งสีขาวประสบอุบัติเหตุ พร้อมข้อความว่า "สัญญากันก่อนนะ…ถ้ารู้แล้วเหยียบไว้ อย่าบอกใคร! " และข้อความประกอบในภาพว่า "เจ้าคณะจังหวัด…(ขีดทับชื่อ) แอบขับรถมากะพระด้วยกันมาหาสีกาคนสนิท รถพลิกคว่ำไม่เป็นอะไร ปิดข่าว"
ต่อมามีสื่อนำเรื่องดังกล่าวไปนำเสนอพร้อมระบุว่าเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ของ จ.สุโขทัย รีบขับรถเก๋งกับอีกรูปเพื่อไปหาสีกาคนสนิทแต่ประสบอุบัติเหตุแต่ปิดข่าวไว้ รวมถึงมีชาวบ้านร้องเรียน ป.ป.ช.เรื่องยักยอกเงินวัดเข้าบัญชีตัวเองแต่โดนดองเรื่องไว้ , นำพระพุทธรูปออกจากวัดมหาธาตุราชวรวิหาร ศรีสัชนาลัย(วัดพระปรางค์)โดยไม่ปรึกษาชาวบ้านหรือไวยาวัจกรของวัดและยังให้สีกาเข้ามาหายามวิกาล
ความคืบหน้าวันนี้ เวลา 13.20 น. พระเทพวชิรเวที เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร(วัดพระปรางค์) เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว โดยมีนางปณิตา ฝากเซียงซา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สุโขทัย , นายปวีณ หลวงใหญ่ ปลัดอำเภอ พร้อมกรรมการวัดและชาวบ้านบางส่วนร่วมรับฟัง
พระเทพวชิรเวที กล่าวถึงเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์นั้นว่า เกิดขึ้นวันที่ 1 ก.ค. 67 กำลังเดินทางไปร่วมงานนิทรรศการพระเครื่องที่โรงแรมไพลิน โดยมีลูกศิษย์ขับให้ เมื่อมาถึงบ้านท่าเกษม เขต อ.สวรรคโลก เป็นทางโค้ง รถเกิดอาการพวงมาลัยล็อกควบคุมไม่ได้จึงเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าจนรถพัง
พระเทพวชิรเวที กล่าวต่อไปว่า ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บฟกช้ำเล็กน้อย เจ้าหน้าที่พาส่ง รพ.ศรีสังวร ซึ่งไม่ได้ไปหาสีกาตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องถูกร้องเรียน ป.ป.ช.ว่ายักยอกเงินวัดนั้น เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองโว้ง ซึ่งมีการก่อสร้างหอประชุม ทางวัดมีเงินอยู่ประมาณ 3 ล้านกว่า ได้มีการปรึกษารองเจ้าอาวาสและไวยาวัจกร ในการนำเงินไปฝากไว้ที่สหกรณ์ศรีสำโรง เนื่องจากได้ดอกเบี้ยพอสมควรจึงถูกร้องเรียน
พระเทพวชิรเวที กล่าวต่อไปว่า ซึ่งต่อมา ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ แล้วไม่พบการยักยอกแต่อย่างใด พร้อมให้คำแนะนำในการบริหารจัดการ ส่วนเรื่องมีสีกามาหายามวิกาลนั้น ยืนยันว่าไม่มี สอบถามพระลูกวัดดูได้
"6 โมงเย็นทำวัตรเสร็จ ก็ล็อกกุฏิแล้วใครจะเข้าได้" พระเทพวชิรเวที กล่าว
พระเทพวชิรเวที กล่าวถึงการย้ายพระพุทธรูปว่า ในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปยืนคือหลวงพ่อธรรมจักร ตั้งอยู่หน้าพระประธาน จึงปรึกษาเจ้าหน้าที่ศิลปากรขอขยับออกด้านข้างเพื่อให้พระประธานโดดเด่นเป็นสง่า ซึ่งได้รับอนุมัติ ต่อมาชาวบ้านขอให้ย้ายกลับที่เดิม ตนไม่อยากให้เกิดปัญหาจึงย้ายกลับ เรื่องก็จบ
พระเทพวชิรเวที กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่นมีการเรียกเก็บเงินจากเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในการก่อสร้างพุทธมณฑล ที่ทุ่งทะเลหลวงนั้น ที่ประชุมเป็นผู้เสนอและมีมติ โดยมีเจ้าคณะอำเภอ , เจ้าคณะตำบลดูแล โดยเป็นความสมัครใจในการมีส่วนร่วม ตนมิได้เป็นผู้เรียก
พระเทพวชิรเวที กล่าวด้วยว่า เรื่องการย้ายหอระฆังนั้น ทางวัดมีหอระฆังใหม่แล้ว และหอระฆังเก่าทรุดโทรมลงมาก โครงสร้างไม่แข็งแรงแล้ว หากล้มลงมาทับญาติโยมได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอาตมาจะต้องรับผิดชอบ และญาติโยมที่สร้างไว้ก็อนุญาตให้รื้อได้
"เรื่องกล่าวหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของคนที่เสียประโยชน์ที่ตนขวางไว้และเรื่องอำนาจการเมืองในวงการสงฆ์ ที่มีผู้อยากขึ้นมาเป็นเจ้าคณะจังหวัด" พระเทพวชิรเวที กล่าว
"หลวงพ่อขอความเป็นธรรมด้วย สงสารพระที่ทำงานบ้าง หลวงพ่อทำงานเพื่อวัด เพื่อศาสนา ส่วนเรื่องจะฟ้องร้องผู้ที่ทำให้เสียหายหรือไม่ขอให้อยู่ในดุลพินิจของกรรมการวัด" พระเทพวชิรเวที กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.มงคล ทาเครือ อายุ 70 ปี ไวยาวัจกรอาวุโส กล่าวว่า เห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่พอใจที่มีการนำเสนอโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนไม่เชื่อข่าวที่เกิดขึ้น เนื่องจากทำงานร่วมกับหลวงพ่อมา 10 ปีแล้ว ทราบดีว่าหลวงพ่อเป็นพระดี เป็นพระนักพัฒนา
ข่าวเวิร์คพอยท์23