'มาเลย์' ขอภาษี 20% แต่ปฏิเสธเงื่อนไขเปิดตลาด EV - กฎต่างชาติถือที่ดิน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (22 ก.ค.) ว่ารัฐบาลมาเลเซีย พยายามเจรจาภาษีกับสหรัฐให้ได้ในระดับ 20% แต่ก็ลังเลที่จะตอบสนองความต้องการบางอย่างของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เช่น การเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และกฎหมายการถือครองที่ดิน
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ต้องการเจรจาต่อรองขอลดภาษีจากทรัมป์ให้ต่ำกว่าระดับ 25% ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ส.ค. โดยรัฐบาลต้องการลดภาษีให้อยู่ในอัตราที่เทียบเคียงกับเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย (19%) และเวียดนาม (20% สำหรับสินค้าทั่วไปและ 40% สำหรับสินค้าต่างประเทศใช้เวียดนามเป็นทางผ่าน)
รัฐบาลมาเลเซียพยายามลดความกังวลของสหรัฐเกี่ยวกับการลักลอบนําเข้าเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง แต่ขณะเดียวกันก็คัดค้านข้อเรียกร้องของวอชิงตันในการขยายการลดหย่อนภาษีสําหรับอีวีของอเมริกา
เมื่อต้นเดือนนี้ ซาฟรุล อาซิซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม (MITI) แสดงความมั่นใจว่า มาเลเซียสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อลดภาษีได้แน่นอน แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาเตือนเกี่ยวกับข้อตกลงที่อาจจะไม่ดีมากนักโดยเน้นย้ำถึงตําแหน่งที่เสียเปรียบของ "ประเทศขนาดเล็กที่พึ่งพาการค้า" ต้องเผชิญในการเจรจาที่วุ่นวายกับรัฐบาลทรัมป์ในบางครั้ง
ทั้งนี้ อันวา กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลขีด “เส้นตาย” ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติ เช่น สิทธิพิเศษสำหรับชาวมาเลย์และกลุ่มคนพื้นถิ่น
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ก็เผชิญกับ "ความคับข้องใจ" ในการเจรจากับรัฐบาลทรัมป์เช่นกัน ในช่วงต้นเดือนก.ค. เวียดนามประหลาดใจกับการประกาศของสหรัฐว่าได้ตกลงเก็บภาษี 20% แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเชื่อว่าอาจเจรจาได้อัตราที่ดีกว่านี้ โดยรัฐบาลเวียดนามกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าผู้เจรจายังคงดําเนินการเกี่ยวกับเงื่อนไขของข้อตกลง
ทั้งนี้ MITI ปฎิเสธให้สัมภาษณ์กับสัมนักข่าวบลูมเบิร์ก ขณะที่ทำเนียบขาวและกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าของสหรัฐไม่ตอบสนองต่อคำขอสัมภาษณ์ ขณะที่คาโรลีน เลวิตต์ โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวในการบรรยายสรุปเมื่อวันจันทร์ว่า"ทีมการค้าและประธานาธิบดีเองยังคงทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อทำข้อตกลงทางการค้า"
รถยนต์ไฟฟ้า และการประมง
แหล่งข่าววงในของบลูมเบิร์ก เผยว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่เต็มใจที่จะขยายการยกเว้นภาษีสำหรับรถอีวีที่ผลิตในสหรัฐเนื่องจากหมายความว่าจะต้องให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คล้ายกันแก่ประเทศอื่นๆ
ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนว่าทำไมสหรัฐซึ่งจะยุติเครดิตภาษีรถยนต์อีวีของตัวเองเร็วๆ นี้ จึงต้องการการเข้าถึงตลาดมาเลเซีย เมื่อพิจารณาจากการมีอยู่ของผู้ผลิตอเมริกันที่น้อย โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้บริษัทจีนรวมถึง BYD คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด
นอกจากนี้ ซาฟรุล กล่าวว่า ไม่แน่นอนว่าจะสามารถแก้ไขกฎการถือครองของต่างชาติได้หรือไม่และคำขอบางอย่างของสหรัฐอาจไม่เป็นธรรมต่อมาเลเซีย ดังนั้นรัฐบาลจะต้องปรึกษาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อนแก้กฎหมายใดๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ แหล่งข่าววงในของบลูมเบิร์ก อธิบายว่า ข้อเรียกร้องของสหรัฐให้มาเลเซียลดเงินอุดหนุนอุตสาหกรรมประมงในท้องถิ่นและลดการจับปลาเกินขีดจำกัดเป็นการแทรกแซงนโยบายภายในประเทศ ชาวประมงส่วนใหญ่ในประเทศเป็นชาวมาเลย์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลงคะแนนสำคัญของรัฐบาล
ท้ายที่สุด ข้อมูลจากผู้แทนทางการค้าสหรัฐ ระบุว่า มีการขาดดุลการค้ากับมาเลเซีย 2.48 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
อ้างอิง: Bloomberg