“ไหม” เข้าใจ “พ่อนายกฯ” ก็ต้องสปอย “ลูกอิ๊งค์” ได้แต่สวดภาวนาเจรจาภาษีทรัมป์
“ไหม” เข้าใจ “พ่อนายกฯ” ก็ต้องสปอย “ลูกอิ๊งค์” ได้แต่สวดภาวนาเจรจาภาษีทรัมป์ เตือน งบฯปี69 อาจหนีไม่พ้นการออก พ.ร.บ.เงินกู้
วันที่ 18 ก.ค. 2568 ที่ รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกปัญหาความวุ่นวายในประเทศที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นเพราะคนไทยไม่รักกัน และไปให้ความสำคัญกับเรื่องเฮงซวย ว่า ตนได้ฟังก็ตลกเหมือนกัน ที่ไปบอกว่าเราไปเข้าข้างอีกฝั่งหนึ่ง แต่ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า อย่างไรพ่อก็ต้องรักลูกมากที่สุด เขาต้องเข้าข้างลูกของตัวเองมากที่สุดอยู่แล้ว มองว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรมว.วัฒนธรรม ควรออกมารับผลของการกระทำ ที่ทำไปแล้ว น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่ชี้นิ้วว่าคนไทยเข้าข้างคนอื่น ทั้งนี้ คณะกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯที่มีนายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคปชน.เป็นประธาน จะเชิญน.ส.แพทองธารชี้แจ้งเรื่องคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ขอให้ น.ส.แพทองธาร ใช้โอกาสอธิบายกับประชาชนว่าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว แต่หากไม่มา ตนเข้าใจว่า นายรังสิมันต์ จะใช้คำสั่งเรียกให้เข้ามาชี้แจง ว่าทำไมถึงไม่มา และ น.ส.แพทองธาร ก็ต้องชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ แทน ว่า ทำไมไม่เดินทางเข้ามาชี้แจงต่อกมธ.ฯ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงความพยายามเจรจาภาษีสหรัฐฯ ของรัฐบาล ว่า ตนได้ติดตามอยู่ตลอด ตอนนี้ยังไม่ได้เห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลง ที่เป็นสาระสำคัญ การลดภาษี 0% จาก 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด เป็นสิ่งที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง เปิดเผยมาแต่แรกอยู่แล้ว ผลของการเจรจาจึงยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ภายในเดดไลน์ที่จะถึงนี้ ได้แต่ส่งกำลังใจ สวดภาวนา เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง การที่เราต้องดีล หรือเจรจา กับประธานาธิบดี แบบ โดนัลด์ ทรัมป์ ยิ่งทำให้คาดเดาอะไรไม่ได้ โดยไม่ว่าการเจรจาในระดับรัฐมนตรี จะเป็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีคนเดียว ว่าจะประกาศอะไรออกมา ได้แต่หวังว่าเราจะได้อัตราภาษีที่ยังพอแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ในสินค้าหลักของไทย ที่ไม่ได้หนีไปจากเพื่อนบ้านสักเท่าไหร่ แม้การหนีจากเพื่อนบ้านไม่มาก ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอัตราภาษีที่ดี และต้องอย่าลืมว่าการจบที่ 18% ตามที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ ก็ยังจะทำให้ GDP 2568 -2569 ตกต่ำมากอยู่ดีหลังจากการเจรจารอบสุดท้าย ก่อนที่จะถึง 1 สิงหาคมนี้ อยากให้รัฐบาล เปลี่ยนโฟกัส มามีสมาธิกับเรื่องการเยียวยาผลกระทบ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในปลายปี 2568 ต่อเนื่องไป 2569
เมื่อถามว่าจะมีข้อแนะนำใดไปถึงทีมเจรจา น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 ที่อนุมัติไป 1.1 แสนล้านบาท เหลือไม่มากแล้ว อีก 4 หมื่นล้านบาท ดูเหมือนว่ายังทะเลาะกันไม่จบว่าจะแบ่งให้ใคร และไปในพื้นที่ไหนบ้าง โอกาสที่จะใช้ 4 หมื่นล้านบาทที่เหลือ ก็คงน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะเหลือไม่ถึง 2 เดือน ก็จะหมดปีงบประมาณ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ศึกหนักฝนฟ้าคะนอง พายุเศรษฐกิจ ที่จะโหมกระหน่ำใส่เราในปี 2569 จะยิ่งหนักกว่านี้ และเราไม่ได้เตรียมเม็ดเงินไว้เลย ไม่มีกระเป๋าสำรองใดใดทั้งสิ้น มีอย่างมากก็แค่ 2.5 หมื่นล้านบาท ที่อยู่ในงบ 2569 จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล ทางกมธ.งบฯ ฟากฝ่ายค้าน จึงเสนอให้ นายพิชัย ช่วยชี้แจงในห้องงบฯ ว่ามีแนวทาง และนโยบายอย่างไรในการเตรียมเม็ดเงินไว้กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569 ต้องการให้กมธ.ฯ และอนุกมธ.ฯตัดลดงบฯหรือไม่ การตัดอย่างต่ำ ๆ ต้องอย่างน้อย แสนล้านบาท เพื่อที่จะเตรียมไว้ในปี 2569 ซึ่งอาจหนีไม่พ้นการออก พ.ร.บ.เงินกู้