แนะเร่งวางแผนขนส่ง ป้องกัน Transshipment และสร้างสมดุลดุลการค้า
กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – หอการค้าไทยชี้ภาษีใหม่นี้จะกระทบต้นทุนส่งออก เสี่ยงถูกตีความ Transshipment และกดดันดุลการค้าไทย–สหรัฐฯ พร้อมเสนอรัฐ–เอกชนเร่งเยียวยา ปรับแผนโลจิสติกส์ และเพิ่มการลงทุนข้ามชาติ
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ภายใต้มาตรการ “Reciprocal Tariff” ที่กำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากไทยที่ 19% โดยระบุว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเสนอแนวทางบรรเทาผลกระทบ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
แรงกดดันจากดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ
ไทยยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ถูกปรับอัตราภาษี หอการค้าเสนอให้ กระตุ้นการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ และส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ เพื่อลดความไม่สมดุลทางการค้าและแรงกดดันทางการเมืองการค้าในระยะยาวความเสี่ยงการตีความ Transshipment
สหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่าการส่งต่อสินค้าผ่านประเทศที่สาม (Transshipment) จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 40% และอาจถูกลงโทษเพิ่มขึ้น หอการค้าแนะให้ ผู้ประกอบการตรวจสอบสัดส่วนเนื้อหาท้องถิ่น (RVC) และปฏิบัติตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตีความว่าเป็นการหลบเลี่ยงภาษีผลกระทบต่อการวางแผนโลจิสติกส์และต้นทุนส่งออก
ภายใต้ช่วงเปลี่ยนผ่าน อัตราภาษีใหม่จะมีผลเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น. โดยกำหนดอัตราภาษีตามกำหนดการขนส่ง ดังนี้สินค้าที่ขนส่งก่อนวันที่ 7 สิงหาคม และจำหน่ายในสหรัฐฯ ก่อน 5 ตุลาคม 2568 จะถูกเก็บภาษี 10%
สินค้าที่ขนส่งก่อนวันที่ 7 สิงหาคม แต่จำหน่ายตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป จะถูกเก็บภาษี 19%
สินค้าที่ขนส่งหลังวันที่ 7 สิงหาคม เป็นต้นไป จะถูกเก็บภาษี 19% เต็มอัตรา
หอการค้าแนะนำให้ผู้ประกอบการเร่งประเมินกำหนดการจัดส่งและบริหารต้นทุนล่วงหน้า เพื่อใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขพิเศษ ลดผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น
พร้อมย้ำว่า หอการค้าฯ พร้อมเป็นศูนย์กลางประสานเสียงจากภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลกำหนดมาตรการรองรับ เยียวยา และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยได้อย่างแม่นยำ ลดผลกระทบและรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก. -512-สำนักข่าวไทย