"บิ๊กเล็ก" ยันปมระงับดีลกริพเพนยังไม่ได้รับรายงาน

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2568 เว็บไซต์ Defence Security Asia ของมาเลเซีย และ Breaking Defense ระบุว่า การตัดสินใจของสวีเดนที่จะไม่ให้การรับรองแผนการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนล็อตใหม่ของไทย อาจทำให้ความพยายามในการจัดซื้อของไทยต้องหยุดชะงัก สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากกองทัพอากาศไทย (RTAF) ใช้เครื่องบิน Saab JAS-39C/D Gripen ในการรบจริงเป็นครั้งแรกที่ชายแดนติดกับกัมพูชา

รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน มาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด ได้ปฏิเสธที่จะอนุมัติคำขอของไทยโดยระบุว่า "รัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด" การตัดสินใจหรือไม่ตัดสินใจนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่สตอกโฮล์มถอยห่างจากพันธมิตรด้านกลาโหมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกี่ยวกับเรื่องการนำเครื่องบินรบหลักไปใช้งานในภารกิจจริง

สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียด การเจรจา และการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสวีเดนกล่าวกับ Breaking Defense เมื่อวันที่ 29 ก.ค. หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่ากองทัพอากาศไทยใช้กริพเพนในการรบ

เครื่องบินกริพเพนของกองทัพอากาศไทย ถูกรายงานว่ามีการปฏิบัติการทางทหารโดยตรงต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการใช้เครื่องบินรบสัญชาติสวีเดนนี้ในการรบจริงเป็นครั้งแรกในโลก ภารกิจนี้สร้างปัญหาอย่างมากให้กับสตอกโฮล์ม เนื่องจากนโยบายการส่งออกอาวุธของสวีเดน ซึ่งบริหารโดยสำนักงานตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยุทธศาสตร์ (ISP) ถือเป็นหนึ่งในกฎระเบียบที่เข้มงวดที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ซื้อมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการทางทหารจริง

ภายใต้กฎหมายสวีเดน ISP ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการต่างประเทศ ต้องประเมินเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ ประวัติสิทธิมนุษยชน และเจตนาในการปฏิบัติการของผู้รับการส่งออกทั้งหมด ก่อนที่รัฐบาลจะออกใบอนุญาตการถ่ายโอนอาวุธอย่างเป็นทางการ แม้จะยังไม่มีการยื่นเรื่องคัดค้านอย่างเป็นทางการ แต่การที่รัฐมนตรีสเตเนอร์การ์ดปฏิเสธที่จะอนุมัติแผนการจัดซื้อใหม่ของไทย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแนวโน้มที่จะระงับข้อตกลงนี้ไว้ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะคลี่คลายและสตอกโฮล์มประเมินบริบททางยุทธศาสตร์ใหม่

กองทัพอากาศไทย ยืนยันว่ามีการใช้เครื่องบินกริพเพนในปฏิบัติการเหนือชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่าเป็นการตอบโต้ที่จำกัดและป้องกันตัวต่อภัยคุกคามทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้น พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า "การโจมตีทางอากาศมุ่งเป้าเฉพาะเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติของไทยเท่านั้น" และยืนยันเพิ่มเติมว่า"การปฏิบัติการเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎการเข้าปะทะที่เป็นสัดส่วน" โดยอ้างมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อยืนยันความชอบธรรมในการใช้กำลังของไทย

ก่อนหน้านี้ในเดือน มิ.ย. ไทยได้ประกาศความตั้งใจที่จะจัดซื้อกริพเพน ล็อตที่ 2 เพื่อเสริมทัพเครื่องบิน JAS-39C/D จำนวน 11 ลำ ที่ประจำการอยู่ที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี และได้เลือก Saab JAS-39E/F Gripen สำหรับฝูงบินรบในอนาคตอย่างเป็นทางการ โดยมีแผนจะสั่งซื้อเครื่องบิน 4 ลำแรก ซึ่งประกอบด้วย JAS-39E แบบที่นั่งเดี่ยวจำนวน 3 ลำ และ JAS-39F แบบ 2 ที่นั่ง จำนวน 1 ลำ ด้วยงบประมาณเริ่มต้นที่ 19,500 ล้านบาท (ประมาณ 596 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ขณะนี้สวีเดนกำลังประเมินว่าการกระทำล่าสุดของไทย ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจเบื้องต้นในการส่งออกเกี่ยวกับสถานการณ์การใช้งานปลายทางหรือไม่ แม้ว่า กริพเพน จะเคยเข้าร่วมการซ้อมรบของ NATO และการประจำการในภารกิจข้ามชาติหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ถือเป็นการส่งกระสุนจริงโจมตีเป้าหมายทางทหารของรัฐเป็นครั้งแรกในโลกแห่งความเป็นจริง

นักวิเคราะห์เตือนว่า หากสตอกโฮล์มระงับเส้นทางการจัดซื้อของไทย กรุงเทพฯ อาจต้องหันไปหาซัปพลายเออร์รายอื่น เช่น KF-21 Boramae ของเกาหลีใต้, J-10CE ของจีน หรือแม้แต่พิจารณาข้อเสนอจากสหรัฐฯ อย่าง F-16V Block 70/72

สำหรับประเทศไทย ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การขยายฝูงบิน แต่ยังรวมถึงความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ อะไหล่ การอัปเดตซอฟต์แวร์ และความเข้ากันได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการอนุมัติทางการเมืองอย่างต่อเนื่องจากสตอกโฮล์ม

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการยกเลิกข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ความเงียบของสตอกโฮล์มอาจดังกว่าการเคลื่อนไหวใด ๆ ในรัฐสภาสวีเดน เว้นแต่จะมีความชัดเจนจากกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดนหรือ ISP ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อนาคตของกริพเพนของไทย อาจยังจอดอยู่บนรันเวย์ ซึ่งไม่ใช่จากเครื่องยนต์หรือเงินทุน แต่จากภูมิรัฐศาสตร์และหลักกฎหมายการควบคุมอาวุธที่เข้มงวดของสตอกโฮล์ม

ล่าสุด วันนี้ (1 ส.ค.2568) เวลา 10.15 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีข่าวรัฐบาลสวีเดน จะระงับการเซ็นสัญญาซื้อขายเครื่องบินกริพเพนให้กับไทย หลังถูกนำมาใช้ในการ โจมตีทางอากาศในช่วงที่ผ่านมาว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะความสัมพันธ์ของไทย-สวีเดนไม่มีปัญหา

ต่อมา เวลา 10.20 น. เฟซบุ๊ก กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force โพสต์ข้อความ #กองทัพอากาศ ยืนยัน "ข่าวบิดเบือนความจริง" กรณี สื่อกัมพูชาอ้างว่า สวีเดนระงับการขาย Gripen เพิ่มเติม ให้กับกองทัพอากาศไทย ซึ่งข้อมูลที่ทางสื่อกัมพูชากล่าวอ้าง เป็นการนำข้อมูลมาบิดเบือนข้อเท็จจริง โครงการดังกล่าว ยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการจัดซื้อ

ที่มา : Defence Security Asia, Breaking Defense

อ่านข่าวอื่น :

ทภ.2 เผยส่งทหาร 2 นายกลับประเทศ ให้คำสัตย์สาบานจะไม่เข้าทำการรบกับไทยอีก

คณะทูตานุทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา