รมว.ต่างประเทศ หารือทวิภาคีกับหลายประเทศ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 13 กรกฎาคม 2568 เวลา 0.08 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทมาเลเซีย 12 ก.ค.-รมว.ต่างประเทศ หารือทวิภาคีกับหลายประเทศ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58 เน้นความร่วมมือระหว่างกัน เช่น จีนจะสนับสนุนไทยเรื่องการค้าขายเพิ่มขึ้น สหรัฐพร้อมสนับสนุนความมั่นคงของไทย และเดินหน้าความร่วมมือภาคเอกชนกับสหราชอาณาจักร-สหภาพยุโรป
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยถึงการหารือทวิภาคี ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 58 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ในการหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อย่างยาวนาน ซึ่งปีนี้เป็นปีของการฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี โดยได้พูดคุยเรื่องการพัฒนาศักยภาพและความร่วมมือของทั้งสองประเทศ ให้ก้าวต่อไปอีกระดับได้อย่างไร ทั้งนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงที่ผ่านมา ตลอดจนความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคต่างๆ ในปีนี้ จีนจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในกรอบแม่โขง-ล้านช้างระดับรัฐมนตรี ขณะที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เยือนไทยในช่วงการประชุมดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และการเชื่อมต่อระบบรางเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนและตอนบนของประเทศไทยกับตอนใต้ของประเทศจีน
สำหรับการพูดคุยถึงความร่วมมือด้านการค้า นายหวัง อี้ ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และสนับสนุนไทยเพื่อให้มีการค้าขายกับจีนเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องการนำเข้าโคมีชีวิตไปยังประเทศจีน ก็ได้เอาใจใส่โดยจะส่งทีมสัตวแพทย์มาคุย และดูเรื่องการตรวจสุขอนามัยโคมีชีวิตเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและตามที่จีนต้องการ ทั้งยังให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเรื่องการนำเข้าทุเรียนไทยจนลุล่วงไปได้
ขณะที่การพูดคุยกับนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรก ได้หารืออย่างกว้างขวางและจริงใจ โดยสหรัฐเห็นความสำคัญของประเทศไทยในฐานะพันธมิตรที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลไทยเรื่องความมั่นคงต่อไป พร้อมกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลของนางสาวแพรทองธาร อยากเห็นการพัฒนาขีดความสามารถทางอาวุธเพื่อให้ไทยมีความเข้มแข็งด้วยตนเอง เนื่องจากประเทศไทยมีบริษัทที่มีศักยภาพในการพัฒนา ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกันเป็นอย่างมาก
ส่วนการหารือกับนายเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ได้พูดคุยกันถึงเรื่องการระบุความร่วมมือในสาขาต่างๆ ที่นำไปสู่การพัฒนาทางธุรกิจร่วมกันของภาคเอกชน เช่น ความร่วมมือด้านพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมด้านความมั่นคง และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เขตร้อน เนื่องจากบริษัทสยามไบโอไซแอนส์ของอังกฤษมีความร่วมมือในไทยอยู่แล้ว ซึ่งนายแลมมีเห็นด้วย เพราะสอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลสหราชอาณาจักร และพร้อมจะมีการพูดคุยกันต่อไปเพื่อสนับสนุนความร่วมมือร่วมกับภาคเอกชนที่จะมีส่วนในการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต
ขณะที่การหารือกับสหภาพยุโรป ได้พูดคุยกับนางกายา กัลลัส ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ในเรื่องอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การเปลี่ยนผ่านสีเขียว และพลังงานทดแทน ซึ่งสหภาพยุโรปก็เห็นด้วยที่จะมีความร่วมมือกันต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังพูดคุยเรื่องการขอฟรีวีซ่าเชงเก้น สำหรับการเดินทางไปยังประเทศในยุโรป การเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-อียู ซึ่งมีการเจรจากันไปแล้วหลายรอบ โดยพยายามจะให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้.-314.-สำนักข่าวไทย