รวบชาวกัมพูชา ลักลอบเดินเท้ากลับประเทศ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 13 กรกฎาคม 2568 เวลา 2.51 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทสระแก้ว 12 ก.ค. – ทหารพรานรวบชาวกัมพูชา 3 ราย ลักลอบเดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติชายแดนอรัญประเทศ ด้านตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รับตัว 4 คนไทย กลับจากกัมพูชา หลังหนีไปทำงานเว็บพนันฯ
หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา โดยกองร้อยทหารพรานที่ 1201 จัดกำลังพลออกลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณ บ้านดงงู ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 3 ราย เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน เดินเท้าลัดเลาะมาตามเส้นทางธรรมชาติมุ่งหน้าแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ลักษณะต้องสงสัยว่าจะลักลอบออกนอกราชอาณาจักรจึงเข้าตรวจสอบพบทั้งหมด เป็นชาวกัมพูชา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแสดงตน หลังคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
ทราบชื่อคือ 1.นายสารอน จิม อายุ 41 ปี 2. นางจาม สกุล อายุ 52 ปี 3. นางแก้ว สาระ อายุ 23 ปี ให้การว่า มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านกะบาลเกาะ ตำบลกะบาลเกาะ อำเภอโอรวโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เข้ามาขายผักผลไม้อยู่ที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นานเป็น 10 ปี ไม่ได้เดินทางกลับกัมพูชา ทำให้หนังสือเดินทางสูญหาย เมื่อมีมาตรการเปิด-ปิดด่านพรมแดนถาวรบ้านคลองลึก ทำให้การค้าขายซบเซาจึงอยากกลับไปประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ระหว่างการจับกุมไม่พบผู้นำพา เจ้าหน้าที่ทหารพรานจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว อำนวยความสะดวกรับตัวคนไทย 4 คนกลับจากประเทศกัมพูชา จากการประสานงานของสถานทูตไท ณ กรุงพนมเปญ กรณีแรก นายโกศล อายุ 30 ปี ไปทำงานเว็บพนันออนไลน์ และ นายเทอดพงศ์ อายุ 24 ปี ไปทำงานเป็นช่างไฟฟ้าในกาสิโนที่ จังหวัดไพลิน ทั้งสองคนเดินทางเข้าไปถูกต้องแต่ต่อมาได้ติดต่อสถานทูตไทยช่วยเหลือพากลับประเทศ
อีกกรณีคือ น.ส.มัชฌิมา อายุ 21 ปี และ น.ส.อรัญญา อายุ 18 ปี สองสาวชาวจังหวัดเลย ลักลอบข้ามแดนไปจะทำงานเว็บพนัน แต่โชคไม่ดี ถูกทหารกัมพูชาจับกุมก่อนจะได้เริ่มงาน ฝ่ายทหารกัมพูชาจึงประสานมายังสถานทูตไทยเพื่อส่งตัวทั้งสองคนกลับประเทศ สะท้อนให้เห็นความร่วมมือที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองชาติ เบื้องต้นตรวจสอบไม่พบว่ามีหมายจับติดตัว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง สภ.คลองลึก ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย