ศาลฎีกาสหรัฐชี้ศาลชั้นต้น ใช้อำนาจเกินขอบเขตเบรกนโยบายทรัมป์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ว่า คณะตุลาการศาลฎีกาสหรัฐมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง ว่าศาลชั้นต้นของรัฐบาลกลาง "ใช้อำนาจเกินขอบเขต" ในการระงับคำสั่งและนโยบายของทำเนียบขาว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากคำสั่งของศาลขั้นต้นมักระบุว่า "ให้มีผลแบบครอบจักรวาล" หมายถึง "ทั่วประเทศ"
มติของศาลสูงสุดสหรัฐระบุด้วยว่า คำสั่งระงับของศาลชั้นต้นระดับรัฐในตอนนี้ มักเกินขอบเขตที่สภาคองเกรสบัญญัติไว้ให้สำหรับศาลของรัฐบาลกลาง คณะตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐจึงมีมติเห็นชอบ 6 คน เป็นสายอนุรักษนิยม และคัดค้าน 3 คน เป็นสายเสรีนิยม พักคำสั่งของศาลขั้นต้นในรัฐแมริแลนด์ รัฐวอชิงตัน และรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยเฉพาะสิทธิในการได้รับสัญชาติสหรัฐโดยกำเนิด ของบุคคลใดก็ตามที่เกิดบนแผ่นดินสหรัฐ
ทั้งนี้ ทรัมป์ต้องการให้มีการตีความ หรือถึงขั้นแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐ เพิ่มเติมครั้งที่ 14 ซึ่งมีการให้สัตยาบัน เมื่อปี 2411 มีเนื้อหาว่า “บุคคลที่เกิดหรือได้รับสัญชาติในสหรัฐ และดินแดนที่อยู่ภายในขอบเขตอำนาจของสหรัฐ ถือเป็นพลเมืองของสหรัฐ” แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แม้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแล้ว แต่ต้องมีการให้สัตยาบันโดยสภาแห่งรัฐ ของสามในสี่จากรัฐทั้งหมดในอเมริกา
ขณะที่ทรัมป์แสดงความยินดีต่อมติของศาลสูงสุด โดยยกย่องให้เป็น "การตัดสินใจที่มหัศจรรย์" ที่เป็นตัวอย่างชัดเจนของ "การใช้อำนาจฝ่ายบริหารกับหลักนิติธรรม".
เครดิตภาพ : AFP