สพข.4 ถ่ายทอดความสำเร็จของ ‘พื้นที่ดินเค็มทุ่งกุลาร้องไห้’ จากอดีตสู่ปัจจุบัน
นักวิชาการ สพข.4 ถ่ายทอดความสำเร็จของ “พื้นที่ดินเค็มทุ่งกุลาร้องไห้” จากอดีตสู่ปัจจุบัน ในการประชุมวิชาการดินเค็มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 11
นายสุทธิดล วงษ์จันฬา ผู้อำนายการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 4 นำทีม ผู้เชี่ยวชาญฯ นักวิชาการ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต4 เข้าร่วมการประชุมวิชาการดินเค็ม ปี 2568 โดยมี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการดินเค็มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 11 ภายใต้หัวข้อ “สิ้นสุดการเดินทางของเกลือทุ่งเมืองเพีย…สู่การเริ่มต้นการพัฒนาดินเค็มลุ่มน้ำเสียว” เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น
โดยได้รับเกียรติจาก นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายสุรชาติ มาลาศรี รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านปฏิบัติการ กล่าวต้อนรับ ดร.อาทิตย์ ศุขเกษม รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านวิชาการ กล่าวรายงาน ดร.สุมิตรา วัฒนา รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านบริหาร คณะผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการกรมพัฒนาที่ดิน ข้าราชการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ และเกษตรกร เข้าร่วมงานกว่า 400 คน โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊กกรมพัฒนาที่ดิน
ในช่วงเช้าของการประชุมวันที่ 1 สิงหาคม 2568 มีการบรรยายผลสำเร็จงานวิชาการดินเค็ม“กว่าหนึ่งทศวรรษกับการพัฒนาดินปัญหา สู่วิถีการบูรณาการและความยั่งยืน” โดย นางสาวกัญญาพร สังข์แก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 4 ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวในหัวข้อ “พื้นที่ดินเค็มทุ่งกุลาร้องไห้”
พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นพื้นที่ราบกว้างใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ 2.1 ล้านไร่ ประกอบด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ และยโสธร จะเห็นได้ว่าทุ่งกุลาร้องไห้ในอดีต เกิดปัญหาทั้งน้ำท่วม และแห้งแล้งซ้ำซาก บางพื้นที่มีคราบเกลือจนไม่สามารถทำการเกษตรได้ ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่มีความยากลำบากในการใช้ชีวิต และการทำมาหากิน
กว่า 40 ปี ทุ่งกุลาร้องไห้ได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานภาครัฐเข้ามาดูแล ปรับปรุง และแก้ไขปัญหาตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา โดยประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อศึกษา วิจัย และหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาพื้นที่มาโดยตลอดจนกระทั่งปี 2532 ทางรัฐบาลออสเตรเลียได้ส่งทีมนักประเมินทางเศรษฐกิจพบว่าชาวทุ่งกุลาร้องไห้เริ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงยุติความร่วมมือระหว่างไทยออสเตรเลีย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมพัฒนาที่ดิน ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านการปรับโครงสร้างในพื้นที่ด้วยวิธีทางวิศวกรรม การบริหารจัดการดินและน้ำ งานพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ งานปรับปรุงพื้นที่นา งานปรับรูปแปลงนาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ นอกจากนี้ยังมีงานปรับปรุงบำรุงดิน ด้วยการส่งเสริมการใช้พืชปุ๋ยสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ในพื้นที่อีกด้วย
การพัฒนากลุ่ม เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่สามารถส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินให้กับเกษตรกรในพื้นที่ โดยสร้างเครือข่ายหมอดินอาสากว่า 9,000 ราย เพื่อการขับเคลื่อนงานด้านพัฒนาที่ดิน ให้มีการพัฒนาคน พัฒนางาน ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ และสามารถทำให้พืชอัตลักษณ์ (GI) ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 105 ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้มีผลผลิตและคุณภาพ สามารถให้ผลผลิตมากกว่า 450 กิโลกรัมต่อไร่ อีกทั้งยังให้ความหอมซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะของพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในพื้นที่ดินเค็มทุ่งกุลาฯ
ซึ่งยังคงมีการศึกษา พัฒนา ด้านการวิจัยผ่านการขับเคลื่อนไปยังกลุ่มเกษตรกรเพื่อต่อยอดงานอย่างไม่หยุดนิ่งต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สินธิพงษ์’ อบรมนักเกษตรรุ่นใหม่ เสริมทักษะด้านแผนที่-GIS ให้นักศึกษา
- เดินหน้าสร้างโรงเรียนต้นแบบ! โครงการเกษตรอินทรีย์ในโรงเรียน ติวเข้มครูเกษตรนครพนม
- สพข.4 จัดหลักสูตร 'นักพัฒนาดิน' ขยายผลงานพัฒนาที่ดิน สร้างเครือข่ายองค์ความรู้
ติดตามเราได้ที่