“อุ๊งอิ๊ง”แจงคลิปอังเคิล ครั้งสุดท้าย4ส.ค. ชี้ชะตา!?

เมืองไทย 360 องศา

ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว สำหรับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน กรณี “คลิปลับ” การสนทนาระหว่าง ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องส.ว.ให้พิจารณาเกี่ยวกับการกระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง จนนำไปสู่การสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่ามีคำวินิจฉัยออกมา

ก่อนหน้านั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ทำคำร้องขอขยายเวลาส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นครั้งที่ 2 และที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โดยศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ขยายเวลาได้จนถึงวันที่ 4 สิงหาคมนี้ เท่านั้น

มีรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่ 2 ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ที่เข้าชื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้อง กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 68 และ นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องแถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับ ฮุน เซน จริง

แม้ต่อมา นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องจะแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุย ทางโทรศัพท์แบบส่วนตัวโดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องแสดงออกถึงความนิ่งเฉย และไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนด มาตรการรวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ใน สภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด

ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องเห็นว่า เป็นฝ่ายตรงกันข้าม นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้อง จึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนจนกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดย นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่ 2

ฉบับลงวันที่ 29 ก.ค. ซึ่งขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน นับถัดจากวันครบกำหนดเดิม เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อใช้เรียบเรียงทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาซึ่งยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมาก 5ต่อ 4 เห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปจนถึงวันที่ 4 ส.ค.68 เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 31

ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เห็นควรไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุได้ว่า กรณีนางสาวแพทางธาร ผู้ถูกร้องไม่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าไม่ติดใจที่จะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 54 วรรคสาม

ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมให้ศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีสนทนากับ ฮุนเซน หลังศาลขยายกรอบเวลาครั้งที่ 2 ว่า ก็เป็นไปตามกำหนด

เมื่อถามถึงเหตุผลที่ต้องขอขยายการยื่นเอกสารชี้แจงอีกรอบ นพ.พรหมินทร์ ระบุว่า เพราะยังไม่เสร็จ ก็ต้องขยาย

เมื่อถามย้ำว่า มีข้อกฎหมาย หรือข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ ไม่ได้ตอบคำถาม

มีข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ ทั้งในเรื่องของเสียงข้างมากศาลรัฐธรรมนูญ ที่ลงมติให้ขยายเวลา 5 ต่อ 4 ถือว่าฉิวเฉียดมาก และให้ขยายเวลาถึงแค่ วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคมนี้ เท่านั้น ทั้งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า กรณีดังกล่าวไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ศาลสามารถวินิจฉัยสั่งคดีได้อยู่แล้ว ดังนั้น ด้วยเสียงมติฉิวเฉียดดังกล่าวก็น่าจะสะท้อนผลที่จะออกมาได้ดีอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง ที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งคดีอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาในวันนั้น หรืออาจนัดวันสั่งคดีอีกครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน คดีนี้ ถือว่าใกล้จบเต็มทีแล้ว คาดว่าไม่น่าเกินเดือนสิงหาคมนี้ อย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่ง เมื่อประมวลความเห็นจากบรรดานักกฎหมายหลายคน ต่างออกมาฟันธงตรงกันว่าคดีนี้ “รอดยาก” บางคนถึงกับกล่าวว่ามีเพียง “ปาฏิหาริย์” เท่านั้น ที่จะทำให้รอดคดีไปได้ อีกทั้งพยานหลักฐานก็ถือว่าง่ายดายสำหรับการวินิจฉัย ในเชิงข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ทราบกันมากมาย

ดังนั้น หากพิจารณากันตามนี้ จึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่า คดี “คลิปเสียง” ดังกล่าว ในวันที่ 4 สิงหาคม นี้ น่าจะมีความชัดเจนว่า ศาลจะมีกำหนดสั่งคดีวันไหน ซึ่งไม่น่าจะยืดเยื้อยาวนาน หรือให้ยื้อเวลากันได้อีกแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดออกมาแล้วว่า “เป็นครั้งสุดท้าย” จึงน่าจะเป็นการนับถอยหลังของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จริงๆ ว่า บทสรุปกำลังมาถึงแล้ว ซึ่งน่าจะลุ้นแค่ “ปาฏิหาริย์” เท่านั้น !!

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO