แนวโน้มราคาน้ำมันถึงสิ้นปีทรงตัว สกนช.ห่วงสงคราม-พายุ
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแนวโน้มราคาน้ำมันช่วงที่เหลือของปี 68 ว่า น่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว โดยราคาบวกลบไม่น่าจะเกิน 5 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหากมีความผันผวนเกิดขึ้นก็คงไม่มาก
ทั้งนี้ ยกเว้นว่าจะมีสงครามเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบกับราคาน้ำมันโดยถือว่าเป็นปัจจัยเดียวที่น่าเป็นห่วง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
ส่วนปัจจัยเรื่องของฤดูกาลที่จะเข้าสู่ฤดูหนาวนั้น มองว่าน่าจะไม่หนาวมาก และมีระยะเวลาที่ไม่นาน เนื่องจากเวลานี้ฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก หากสังเกตุจากฤดูร้อน และฝนที่มาค่อนข้างเร็ว
อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะหากเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ยังมีพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นด้วย ก็จะมีผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ จากการที่โรงกลั่น หรือโรงงานผลิตน้ำมันต้องหยุดทำงาน
ขณะที่เรื่องของภาวะเศรษฐกิจ มองว่าไม่น่าจะส่ลผลกระทบต่อราคาน้ำมันเท่าใดนัก เนื่องจากน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนประเด็นข้อกังวลเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น หากอินเดียหยุดซื้อน้ำมันจากสหพันธรัฐรัสเซีย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันโดยประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียอีก 25% ทำให้อัตราภาษีรวมอยู่ที่ 50% นั้น
กรณีดังกล่าวไม่น่าจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ในทิศทางกลับกันน่าจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า เนื่องจากหากรัสเซียไม่ได้มีการขายน้ำมันก็จะทำให้มีปริมาณน้ำมันเหลือเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ด็ คงต้องติดตามประเด็นดังกล่าวนี้อย่างใกล้ชิดว่ามีการดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ หรือสหรัฐเพียงแค่ประกาศกดดันอินเดีย
นอกจากนี้ ยังต้องรอดูว่าอินเดียจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากประกาศของทรัมป์มีผลบังคับใช้ จะมีวิธีการอย่างไรหลังจากนั้น จะหาน้ำมันมาจากแหล่งไหนเพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจในประเทศ
“ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น หากถามว่ากรณีดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นหรือ มองว่าน่าจะไม่ แต่จะกลับกลายเป็นราคาลดลงด้วยซ้ำ จากอุปทานที่อาจจะมีมากเกินไป เพราะหากน้ำมันรัสเซียไม่ได้ถูกนำออกมาขายก็จะยิ่งมีปริมาณที่มากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องขอดูว่าอินเดียจะดำเนินการอย่างไรต่อไป”