7 วิธีลดช่องว่างระหว่างวัย เข้าใจผู้สูงอายุ อยู่ร่วมกันได้สุขภาพจิตดี
การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) หรือการที่สังคมไทยจะมีประชากรในวัย 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ประกอบกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจและวิถีในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดครอบครัวขยายที่มีสมาชิกต่างช่วงวัยมาอยู่ร่วมกันเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่มักเป็นปัญหาตามมาคือ ความไม่เข้าใจและเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันด้วยช่องว่างระหว่างวัย
วันแม่แห่งชาติ 2568 เปิด10 วิธีดูแลสุขภาพผู้สูงอายุใส่ใจทั้งกายและใจ
สภาวะของการมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันแต่ไม่มีใจผูกพันและรู้สึกถึงความเหินห่างต่อกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในครอบครัวที่ประกอบด้วยสมาชิกต่างช่วงวัย ไม่เพียงแต่พ่อแม่กับลูกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปู่ย่ากับหลาน หรือกลุ่มเครือญาติที่มีความโยงใยกันอีกด้วย ซึ่งแต่ละช่วงวัยต่างก็มีคุณลักษณะและคุณค่าที่ยึดถือที่ถูกบ่มเพาะจากการเติบโตในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันตามยุคสมัย รวมถึงพละกำลังและความสมบูรณ์แข็งแรงของทั้งร่างกายและจิตใจที่ไม่เท่ากันจนอาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเพื่อให้บรรยากาศภายในครอบครัวที่ประกอบด้วยสมาชิกจากหลากหลายช่วงวัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นพื้นที่ที่น่าอยู่สำหรับสมาชิกทุกคน ไม่เกิดความรู้สึกแปลกแยกและรู้สึกเหินห่างต่อกัน
7 วิธีอยู่ร่วมกับผู้สูงวัย
- ยอมรับและเข้าใจความต่าง ผู้สูงวัยเติบโตมาจากพื้นฐานและประสบการณ์คนละแบบกับคนรุ่นใหม่ อาจกังวล คอยเตือน หรือพูดย้ำซ้ำ ๆ จนรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว ควรรับฟังและให้อภัย ปล่อยผ่านเรื่องเล็กน้อยแทนการโต้เถียง
- มองเห็นคุณค่าและความสำคัญ หลังเกษียณ ผู้สูงวัยอาจรู้สึกหมดคุณค่า คนในครอบครัวควรให้ความสำคัญ เช่น ขอคำแนะนำ รับฟังความคิดเห็น ให้มีส่วนร่วมตัดสินใจ และแสดงความเคารพ
- ดูแลเอาใจใส่ แสดงความห่วงใยด้วยการถามไถ่ พูดคุย ดูแลอาหาร ความสะอาด การออกกำลังกาย พาไปตรวจสุขภาพ และมอบรอยยิ้มให้กันเสมอ
- แลกเปลี่ยนสิ่งที่เป็นประโยชน์ นอกจากฟังคำแนะนำจากผู้สูงวัย คนรุ่นใหม่ก็ควรแบ่งปันความรู้ เช่น การดูแลสุขภาพ อาหารที่ดีต่อร่างกาย หรือการใช้เทคโนโลยีคลายเหงา
- สนับสนุนให้มีชีวิตที่ดี ชวนผู้สูงวัยทำกิจกรรมใหม่ ๆ พบปะเพื่อนฝูง ท่องเที่ยว ปฏิบัติธรรม หรือทำกิจกรรมครอบครัว เพื่อไม่ให้จมอยู่กับอดีตหรือกังวลอนาคตมากเกินไป
- ไม่นำปัญหาไปรบกวนจิตใจ พยายามจัดการปัญหาของตัวเอง ไม่ให้ผู้สูงวัยต้องกังวล โดยเฉพาะเรื่องขัดแย้งในครอบครัวหรือการแบ่งมรดก
- หมั่นแสดงความรักแสดงออกด้วยคำพูด การสัมผัส โอบกอด จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก พาออกไปทานอาหารหรือเที่ยวในโอกาสพิเศษ และให้เกียรติกันเสมอ
ทั้งนี้หากเลือกได้คงไม่มีใครต้องการให้ความสูงวัยเข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งดีๆที่คุ้นเคยมาตลอด 60 ปีในชีวิต แต่เมื่อไม่มีใครฝืนกฎธรรมชาติข้อนี้ได้ก็เป็นหน้าที่ของคนในครอบครัวที่จะต้องยอมรับและเข้าใจ พยายามที่จะปรับตัวเองเข้าหาความเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมสุขภาพจิต