โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

SMPC บุ๊คงบ Q2/68 มีกำไร 208 ลบ. หนุนครึ่งปีกำไรแตะ 353 ลบ. บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.40 บ. ขึ้น XD 20 ส.ค.นี้

Share2Trade

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • Share2Trade

SMPC ประกาศงบไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 207.61 ลบ. โต 5.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขาย 1,157.88 ลบ. เพิ่มขึ้น 2% หนุนกำไรงวดครึ่งปีแตะ 353.06 ลบ. รายได้อยู่ที่ 2,184.39 ลบ. เผยผลกระทบนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ บริษัทฯ ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการสินค้าจากลูกค้าในสหรัฐฯ ยังคงมีสม่ำเสมอ เพื่อทดแทนถังเดิมที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯได้อย่างต่อเนื่อง ด้านบอร์ดไฟเขียวเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.40 บ. ตอบแทนผู้ถือหุ้น ขึ้น XD วันที่ 20 ส.ค. 2568 จ่ายเงินปันผลวันที่ 5 ก.ย.นี้ พร้อมส่งซิกแนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดแนวโน้มเติบโตดี ดันปริมาณขายทั้งปีนี้ทำได้ 7.7 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน เดินหน้าชูกลยุทธ์เน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ High Value เพิ่มมาร์จิ้น ลุยขยายตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

SMPC_นางปัทมา เล้าวงษ์1.jpg

นางปัทมา เล้าวงษ์ รองประธานกรรมการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่าผลประกอบการของบริษัทฯ งวดไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 207.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.26 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 197.35 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนขายลดลง กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนทางการเงินลดลง โดยสุทธิกับรายได้อื่นที่ลดลง

มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,157.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.86 ล้านบาท หรือ 2% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,135.02 ล้านบาท ในขณะที่ราคาเหล็กลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 18% และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 9% ทำให้ราคาขายลดลง แต่ยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น 7% และสัดส่วนการขายถังประเภทอื่นซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเพิ่มขึ้น

“ในไตรมาส 2/68 บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 312.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 281.56 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.8% เป็น 27.0% เป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง 18% และสัดส่วนการขายถังประเภทอื่นๆ ซึ่งมีราคาสูงและอัตรากำไรดีเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 9%” นางปัทมา กล่าว

ขณะที่ผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไร 353.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 351.65 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 2,184.39 ล้านบาท ต้นทุนขาย กำไรขั้นต้นและอัตรากำไรขั้นต้น ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยภาษีเงินได้ลดลง 57% จาก 23.95 ล้านบาท เหลือ 10.30 ล้านบาท จากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้านการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราภาษีคงเดิมที่ 20%

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด สำหรับผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 20 สิงหาคม 2568 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 21 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 กันยายน 2568

“ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา แต่บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งทางธุรกิจไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทยังรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ แม้ว่าต้องเผชิญแรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือนมี.ค.2568 ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นเป็น 50% ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2568 ซึ่งมีผลกระทบต่อทุกประเทศที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มาตรการภาษีนี้มีผลกระทบต่อผู้นำเข้าสินค้าในสหรัฐฯ โดยตรง อย่างไรก็ตาม ความต้องการสินค้าจากลูกค้าในสหรัฐฯ ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการทดแทนสินค้าที่เสื่อมสภาพและการขยายตลาดของคู่ค้าในประเทศดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้าสหรัฐฯได้อย่างสม่ำเสมอ” นางปัทมา กล่าว

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯได้ดำเนินนโยบายขยายส่วนแบ่งทางการตลาดไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของประเทศคู่ค้ารายใหญ่ และกระจายฐานลูกค้าในแต่ละภูมิภาคที่มีความต้องการสินค้าในช่วงเวลาที่ต่างกัน และเพื่อป้องกันกรณีหากพื้นที่ขายใดมีปัญหา ก็จะมียอดขายจากพื้นที่อื่นมาชดเชย ทำให้รายได้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 แม้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก แต่ยอดขายของบริษัทลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการปรับโครงสร้างสินค้าโดยเพิ่มสัดส่วนการขายถังประเภทอื่น เช่น ถังขนาดใหญ่พิเศษ และถังอลูมิเนียม ซึ่งมีอัตรากำไรสูงขึ้น ช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า

นอกจากนี้ ราคาต้นทุนวัตถุดิบซึ่งเป็นเหล็กมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น รวมทั้งอัตราค่าระวางเรือในไตรมาสแรกของปีนี้ ก็ปรับลงเช่นกัน จากความไม่แน่นอนของนโยบายด้านการค้าของสหรัฐฯทำให้เกิดอุปทานส่วนเกิน ในด้านการจัดการความเสี่ยงบริษัทได้มีการปรับนโยบายการขายบางส่วน โดยเน้นเสนอขายสินค้าแบบไม่รวมค่าขนส่ง และเสนอค่าขนส่งภายหลังเมื่อใกล้ถึงกำหนดส่งมอบ เพื่อลดความผันผวนจากต้นทุนค่าระวางเรือที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าใช้กลยุทธ์การเติบโตจากโครงสร้างรายได้ส่งออกที่แข็งแกร่งกว่า 90% พร้อมแนวทางบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแบบ Natural Hedge และการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นที่เหมาะสมเพิ่มเติมตามสถานการณ์ นอกจากนี้ราคาวัตถุดิบเหล็กที่ลดลงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไร ขณะเดียวกันบริษัทเฝ้าระวังต้นทุนค่าขนส่งที่อาจเพิ่มขึ้น และปรับกลยุทธ์ขายแบบ FOB เพื่อรองรับความผันผวน รวมถึงติดตามนโยบายการค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และความเสี่ยง พร้อมแนวทางการรับมือเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 คาดว่ามีการเติบโตที่ดี โดยจากข้อมูลคำสั่งซื้อยังมีเพิ่มเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประเมินว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สนับสนุนภาพรวมผลงานในปี 2568 เชื่อว่าปริมาณขายทั้งปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงตามเป้าหมาย 7.7 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน และถึงแม้ว่าในครึ่งปีหลังนี้จะมีปัจจัยเสี่ยงหลายๆปัจจัย แต่บริษัทเชื่อมั่นยังสามารถตั้งรับได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Share2Trade

PROUD ตุนแบ็คล็อกแน่น 7,709 ล้านบาท โตสวนกระแส เตรียมเปิดคอนโดฯ แบรนด์ระดับโลก

10 นาทีที่แล้ว

“ธุรกิจนอนออยล์” จิ๊กซอว์ความสำเร็จ ภายใต้จักรวาล PTG

40 นาทีที่แล้ว

CH เผยทิศทาง Q3/68 เร่งเจรจาคู้ค่ารับมือภาษีสหรัฐฯ บุกตลาดในประเทศ หนุนการเติบโตระยะยาว

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

SCB ปันผลระหว่างกาล 2 บาท พร้อมเปิดคาดการณ์อีก 6 แบงก์ เตรียมจ่ายเท่าไหร่บ้าง?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

ส่องศักยภาพ 8 บริษัทค้าปลีก ยอดขาย-กำไรลด หวังปลายปีเริ่มฟื้น

The Bangkok Insight

ตลาดคริปโตฯ วิกฤตหรือโอกาส สัญญาณสิ้นสุดขาขึ้น หรือแค่พักฐาน?

ทันหุ้น

หลักทรัพย์บัวหลวง ปรับทัพผู้บริหาร ดัน “ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ” ขึ้นแท่นกรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์

การเงินธนาคาร

#Infographic แรงงานกัมพูชาในไทย จังหวัดไหน/ทำอาชีพอะไร? มากที่สุด 5 อันดับ⁣

ถามอีก กับอิก TAM-EIG

“ธุรกิจนอนออยล์” จิ๊กซอว์ความสำเร็จ ภายใต้จักรวาล PTG

Share2Trade

KTIS เล็งส่งมอบน้ำตาลทรายล็อตใหญ่ ดัน Q4 โต

หุ้นวิชั่น

PQS ควงพันธมิตรญี่ปุ่น ชูแป้งมันคาร์บอนต่ำ!

หุ้นวิชั่น

BEAUTY พุ่งแรง +24.13% แตะ 0.36 บาท พบผู้บริหารเก็บหุ้นเพิ่ม 15 ล้านหุ้น

ทันหุ้น

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...