ฮอนด้า ผุด “The M.O.V.E” เปิดโลกอนาคตยานยนต์ เตรียมสู้ศึก อีวี
“The M.O.V.E. by Honda” เป็นศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการ ที่ EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้าEMSPHERE เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โดยศูนย์แห่งนี้จะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของฮอนด้า และทิศทางในอนาคต
โดยฮอนด้า ระบุว่าไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องราว การแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยี แต่จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าชม
ศูนย์แห่งนี้ ออกแบบภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy”
โซนทางเข้า เริ่มต้นที่โซนทางเข้าด้วยการเช็กอินแบบอินเทอร์แอคทีฟ เน้นให้เห็นถึงการให้ “มนุษย์เป็น ศูนย์กลาง”
ผ่านจากโซนทางเข้าจะเป็น Dream Sphere ห้องจัดแสดงภาพเคลื่อนไหว 360 องศา โดยถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของฮอนด้าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และอนาคต รวมถึงการแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญในแต่ละช่วงเวลา ที่หล่อหลอมเส้นทางของบริษัทมาถึงปัจจุบัน
Future Ride เป็นโซนที่ให้ผู้เข้าชมได้เห็นภาพอนาคตของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าผ่านเครื่องจำลองการขับขี่ ภายใต้ธีม “Expected Life. Unexpected Discoveries.” ที่ชวนให้ก้าวข้าม ความคุ้นเคย ไปค้นพบประสบการณ์และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
โซนFuture Mobility ถ่ายทอดวิสัยทัศน์สู่ “New Mobility Ecosystem” หรือระบบนิเวศการเดินทางยุคใหม่ ที่ผสานยานยนต์ อนาคตให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
โซนนี้ ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสเครื่องจำลองเสมือนจริงแบบ 360 องศา ที่จะพาเหินฟ้าจากกรุงเทพฯ สู่พัทยา เหมือนกำลังเดินทางจริง เป็นการเปิดมุมมองใหม่ว่าการเดินทางแห่งอนาคตอาจใกล้ตัวกว่าที่คิด
เป็นการจำลองการเดินทางด้วย อากาศยานขึ้นลงแนวดิ่ง หรือ eVTOL
โดยฮอนด้ายังนำ eVTOL มาจัดแสดงในงานด้วย โดยลำที่จัดแสดงเป็นลูกผสม หรือ ไฮบริด ทำกงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ที่ใช้ ก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิง ระยะทางบินประมาณ 400 กม. แต่หากใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวประมาณ 100 กม.
Future Drive การถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของฮอนด้าในการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับโลกแห่งการเดินทาง จากความฝันในการ “รังสรรค์ นิยามใหม่แห่งการขับเคลื่อน” มาสู่ความจริง เปลี่ยนภาพจำของรถยนต์ไฟฟ้าจาก “Thick and Heavy” เป็น“Thin, Light and Wise”
พืนที่สุดท้ายเป็นการสัมผัสวิสัยทัศน์การเดินทางแห่งอนาคตของฮอนด้าผ่าน “รสชาติ” ในคาเฟ่ที่นำเสนอประสบการณ์การลิ้มรส ภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy” โดยเชฟ เดช คิ้วคชา
The M.O.V.E. by Honda จะจัดลากยาวข้ามปี ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม 2568 - 30 พฤศจิกายน 2569
ทั้งนี้สำหรับกิจกรรมของ The M.O.V.E. by Honda มีรถต้นแบบแห่งอนาคตมาจัดแสดงทั้ง จักรยานยนต์ รถยนต์ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งชองกิจกรรมข้างต้นด้วยเช่นกัน
เช่น โซนรถจักรยานยนต์ กิจกรรมเกมจำลองการขับขี่แบบ Virtual Reality (VR) ใช้รถต้นแบบ EV Fun Concept รถสปอร์ตไฟฟ้าที่ให้ความรู้สึกการขับขี่ทรงพลังแบบรถ ICE ขนาดกลาง
เป็นการขับขี่จำลองในกรุงเทพมหานครแห่งโลกอนาคตปี 2050 ซึ่งจะเป็นปีที่ฮอนด้าตั้งเป้าหมายบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน อย่างสมบูรณ์แล้ว
ฮอนด้ายังมี Honda Motocompacto ให้ผู้ชมงานได้ลองขับอีกด้วย
Honda Motocompacto เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดแบบพับได้ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้น เป็น Future Drive ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางการตลาด
อีกโซนสำคัญ เป็นหนึ่งในหัวใจหลักของกิจกรรม และแนวคิดสำคัญของฮอนด้า คือ “Thin, Light and Wise” (บาง เบา และชาญฉลาด)
เป็นการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) “Honda 0 Series” โดยมีทั้ง Honda 0 Saloon และ Honda 0 SUV
หัวใจหลักของแนวคิดในการพัฒนา Thin, Light and Wise คือ
- Thin เป็นการออกแบบตัวรถที่เพรียวบาง ความสูงโดยรวมของตัวรถต่ำ
- Light ขุมพลังการขับเคลื่อนที่ ออกแบบให้กะทัดรัดและน้ำหนักเบา โดยใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีที่สั่งสมมาจากการพัฒนารถแข่ง F1 พร้อมด้วยโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากแนวคิดความปลอดภัยในการชน รวมถึงการลดขนาดชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ลง ซึ่งจะทำให้มีความยืดหยุ ่นในการจัดวางเพิ่มขึ้น รวมไปถึงรายละเอียดอย่างการออกแบบตำแหน่งเบาะนั่งให้ไม่รบกวนผู้ขับขี่
- Wise เป็นการขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ที่ฮอนด้าพัฒนาเอง รวมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยต่าง ๆ รวมถึงการขับขี่อัตโนมัติ เพื่อทำให้รถในซีรีส์นี้มีความชาญฉลาดยิ่งขึ้น
Honda 0 Series ยังมาพร้อม HMI (Human-machine Interface) ที่ออกแบบให้เรียบง่าย เพื่อการใช้งานเป็นธรรมชาติ เช่น การออกแบบแผงหน้าปัดให้เข้ากับการทำงานของซอฟต์แวร์อย่างลงตัว ระบบต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกขั้น โดยต่อยอดจากเทคโนโลยีด้าน หุ่นยนต์อันที่เอกลักษณ์ของฮอนด้า เพื่อให้ควบคุมรถได้ดั่งใจในทุกสถานการณ์ เช่น
- ระบบบังคับเลี้ยว (Steer-by-wire)
- ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)
- ระบบสั่งการด้วยท่าทาง (Posture Control) ที่จะนำมาติดตั้งใน Honda 0 SALOON
ส่วนไฮไลต์ดีไซน์ภายนอก เช่น ไฟหน้า Interactive Headlights โดยมีฝาครอบแบบเลื่อนสไลด์เปิด-ปิดได้ ไฟท้าย Rear Combination Lights รวมฟังก์ชันต่าง ๆ ไว้ในไฟชุดเดียวกัน และกระจกแบบดิจิทัล เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้อย่างกลมกลืนกับตัวรถ การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน
ภายในห้องโดยสารเน้นความโปร่งโล่ง หน้าจอกลางขนาดใหญ่ พร้อม Interface สวยงามและใช้งานง่าย ปรับแสงและเสียงให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานพวงมาลัยทรง Yoke
ติดตั้งระบบการขับขี่อัตโนมัติ AD (Automated Driving) โดย ฮอนด้า ซีโร่ ซาลูน จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 เริ่มด้วยฟังก์ชันการขับขี่แบบละสายตาได้ (eyes-off) ที่ใช้ได้ในสภาพการจราจรติดขัดบนทางหลวง และจะขยายขอบเขตการช่วยเหลือและการขับขี ่อัตโนมัติผ่านการ อัปเดตฟังก์ชันต่าง ๆ แบบ OTA (Over-the-Air)
และสำหรับ Honda 0 SUV รถต้นแบบ SUV ไฟฟ้าขนาดกลาง เป็นรุ่นแรกภายใต้ Honda 0 Series ที่พัฒนาจากโมเดลต้นแบบ SPACE-HUB ที่ เปิดตัวในงาน CES 2024 มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยในหลากหลายด้าน เช่นเดียวกับ ซีโร่ ซาลูน ไม่ว่า่จะเป็นระบบปฏิบัติการยานยนต์ ASIMO OS และพวงมาลัยที่รองรับเทคโนโลยี ระบบบังคับเลี้ยว (Steer-by-wire) เป็นต้น
ดีไซน์ภายนอก เช่น ไฟหน้า Interactive Headlights ประกอบไปด้วยหลอดไฟถึง 64 ดวง ไฟท้าย Rear Combination Lights ซึ่งรวมฟังก์ชันต่าง ๆ ไว้ในไฟชุดเดียวกัน
ฮอนด้าระบุว่า ฮอนด้า ซีโร่ เอสยูวี เป็นโฉมที่ใกล้เคียงกับรุ่นที่จะผลิตออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้อย่างกลมกลืนกับตัวรถ ตัวถังที่ให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแกร่ง ล้อขนาดใหญ่ ห้องโดยสารออกแบบสไตล์เรียบง่าย ไร้รอยต่อ พื้นที่เปิดโล่ง เพิ่มอิสระในการโดยสารและ ทัศนวิสัยที่ดี รวมถึงกระจกหน้าแบบ Panoramic ให้มุมมองที่กว้าง