โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

'เอกนัฏ' เร่งปฏิรูปอุตสาหกรรม สะสางธุรกิจศูนย์เหรียญ ปูทางเศรษฐกิจยั่งยืน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤตพลังงาน และภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “การปฏิรูปอุตสาหกรรมสีเขียว” ได้กลายเป็นคำตอบสำคัญสำหรับอนาคตของประเทศไทย การยกระดับภาคอุตสาหกรรมให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับนวัตกรรม เทคโนโลยีสะอาด และหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนและมีคุณค่าในระยะยาว

“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "Industrial Reform: Steering Thailand Economy under Structural Destructions" ในงาน Krungsri-MUFG Business Forum 2025 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 80 ปีของธนาคารกรุงศรี โดยเน้นย้ำ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน, แนวทางการปกป้องธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง และแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้กลับมาเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

ความท้าทายและโอกาส

“เอกนัฏ” ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน อาทิ

  • การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะ
  • สังคมสูงวัย (Silver Economy) ที่ส่งผลกระทบต่อผลิตภาพภาคการผลิต
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของ "คนรักโลก" อีกต่อไป แต่กลายเป็นเกณฑ์สำคัญที่ส่งผลต่อการแข่งขันและการค้า รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้เลือกซื้อสินค้าที่ถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงสินค้าที่ผลิตอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
  • สงครามการค้าและกำแพงภาษี โดยเฉพาะประเด็นเรื่องอัตราภาษี 19% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้ แม้จะเป็นข่าวดีในระดับหนึ่งที่อัตราภาษีของไทยอยู่ในระดับต่ำสุดในภูมิภาคอาเซียนและทำให้ไม่เสียเปรียบ แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ เนื่องจากอัตราภาษี 19% ของไทย, 19% ของอินโดนีเซีย, หรือ 20% ของเวียดนาม มาพร้อมเงื่อนไขที่กำหนดโดยสหรัฐฯ ว่าสินค้าที่ส่งออกจะต้องเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศต้นทางอย่างแท้จริง มิฉะนั้นจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราพิเศษที่สูงขึ้น

จาก "ตั้งรับ" สู่ "ขับเคลื่อน"

แทนที่จะมัวกังวลกับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม “เอกนัฏ” เสนอว่า ถึงเวลาที่ต้องหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่ใกล้ตัวและสามารถดำเนินการได้ทันที โดยได้ประกาศมาตรการสำคัญในการปกป้องธุรกิจและเศรษฐกิจไทยตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ได้แก่

  • การจัดการกับสินค้าด้อยคุณภาพ: แก้ปัญหาการนำเข้าสินค้าที่ผลิตเกินความจำเป็นและด้อยคุณภาพมาทุ่มตลาดในประเทศ อาทิ ยางรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน, สายไฟที่ทองแดงน้อยกว่าเกณฑ์, หรือวัสดุก่อสร้างที่ด้อยคุณภาพ
  • การจัดการกับ "อุตสาหกรรมสีเทา" หรือ ธุรกิจผิดกฎหมาย (ศูนย์เหรียญ): ธุรกิจที่แม้จะมีตัวตนแต่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจ หรือผลิตสินค้าที่ด้อยคุณภาพส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย

“วิกฤตการณ์และความท้าทายต่างๆ เป็นโอกาสสำหรับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาภาษีการค้าที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างพลังในการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานสินค้า และทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น"

คณะกรรมการมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ตั้งขึ้นใหม่ได้มีการประชุมที่ถี่ขึ้นจากทุก 2 เดือนเป็นทุก 2 สัปดาห์ เพื่อปรับปรุงและรื้อเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยาง เหล็ก และสายไฟ รวมถึงการปรับปรุงระบบการออกใบอนุญาตและการเฝ้าระวังตลาด เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมและเน้นคุณภาพ

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งทีมชุดพิเศษเพื่อจัดการกับกลุ่มอุตสาหกรรมสีเทาที่ผลิตสินค้าด้อยคุณภาพ ลดต้นทุนโดยขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และปล่อยมลภาวะ มีการระงับและจัดระเบียบใบอนุญาตธุรกิจรีไซเคิลที่ไม่ถูกต้อง และกำลังจะออก กฎหมายฉบับใหม่ คือ พระราชบัญญัติการจัดการอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่เกิดจากความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น (กระทรวงสิ่งแวดล้อม)

กฎหมายนี้จะเน้นการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรม รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ และให้แต้มต่อกับธุรกิจที่นำของเสียมาแปรรูปเป็นสินค้ามูลค่าสูง หรือนำสินค้าหมดอายุการใช้งาน เช่น แบตเตอรี่ หรือโซลาร์เซลล์ กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในประเทศไทย

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ยุคใหม่

“เอกนัฏ” ย้ำว่า การปกป้องเพียงอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องใช้จังหวะนี้เป็นโอกาสในการพลิกฟื้นและปฏิรูประบบอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต โดยมีแนวทางดังนี้

สนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย: ไม่ได้หมายถึงเฉพาะบริษัทสัญชาติไทย แต่รวมถึงบริษัทต่างชาติที่มาตั้งฐานการผลิตในไทยด้วย โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและสาธารณสุข รัฐมนตรีถึงกับเสนอแนวคิด "Thai Gift Policy" แทน "No Gift Policy" สำหรับข้าราชการ เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนสินค้าไทย

สร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่: เน้นการลงทุนใน นวัตกรรมใหม่ (New Innovation) เช่น เทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่านจากรถสันดาปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Mineral), อุตสาหกรรมสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์, รวมถึงการเพิ่มมูลค่าภาคการเกษตรด้วยอุตสาหกรรม BCG (Bio-Circular-Green)

ปรับมาตรการส่งเสริมการลงทุน: เนื่องจากประเทศไทยมีข้อผูกพันกับ OECD เรื่องภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global MAL T) สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอาจต้องเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเก็บภาษีและรีบเปลี่ยนคืน เพื่อดึงดูดธุรกิจที่เน้นนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา (R&D) เข้ามาในประเทศ

แผนพลังงานแห่งชาติ: ปรับแผนพลังงานใหม่ ให้ความสำคัญกับการพึ่งพิงวัตถุดิบเชื้อเพลิงที่ผลิตในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการนำพืชผลการเกษตรมาพัฒนาเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biomass Fuel) เช่น การนำใบอ้อยมาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพลังงานสะอาดและลดการเผา

การปรับตัวที่รวดเร็วและโปร่งใส: สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับตัวให้รวดเร็ว นายเอกนัฏได้เน้นย้ำถึงการปรับขั้นตอน กฎระเบียบ และกฎหมาย เพื่อให้การทำธุรกิจที่ดีและถูกต้องทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น รวมถึงการผลักดัน Digital Transformation ในกระทรวง โดยนำ AI มาใช้ในการตรวจจับสินค้าด้อยคุณภาพ เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันรับเรื่องร้องเรียน และระบบการออกใบอนุญาตแบบดิจิทัล เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส

ในช่วงท้ายของการกล่าวปาฐกถา "เอกนัฏ" ได้เชิญชวนภาคเอกชนให้ร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า "เราไม่เสียเวลามาคลาน ไม่เสียเวลามาเดิน แม้แต่จะวิ่งก็ไม่มีเวลา วันนี้เราจะบินไปอย่างเดียว"

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

สภาฯป่วน หลัง 'สส.' จี้ถาม เบื้องหลัง หั่นงบท้องถิ่น - กมธ.ไม่แจง

49 นาทีที่แล้ว

'วิสุทธิ์' มั่นใจโหวตงบฯ69 วาระสาม พรุ่งนี้ เมินข่าวซื้อโหวต

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

“Telling China’s Story Well” ประเทศจีนกลัวอะไรในงานศิลปะ?

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

‘KFC ขอท้าคุณมาลิ้มรสความ ‘แซ่บ’ ในเฟสติวัลครั้งใหม่!’

GM Live

เหนื่อยล้า ตาคล้ำ ผิวซีด! เมคอัพสไตล์สาวเหนื่อยมาแรง โดนใจเจน Z

กรุงเทพธุรกิจ

ว่างแต่ไม่พร้อมคุย ไม่ได้ละเลยแต่ลืมตอบแชต อะไรทำให้เราเป็นแบบนี้?

The MATTER

90 Years of Penguin Books สำนักพิมพ์ที่กระจายวรรณกรรมสู่วงกว้าง เพราะเชื่อว่าหนังสือที่ดีไม่ควรแพงกว่าบุหรี่หนึ่งซอง

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

งาน "Jurassic World: The Experience Bangkok" ตะลุยโลกไดโนเสาร์ที่เอเชียทีค

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...