“เบ้งเฮ็ก” ม่านอ๋องที่ขงเบ้งยกทัพไปปราบ จับ 7 ครั้ง ปล่อย 7 หน จริง ๆ แล้วคือคนจีน?
คนที่อ่านนวนิยายสามก๊กย่อมรู้จักคุ้นเคยกับ“เบ้งเฮ็ก” เป็นอย่างดี และมีภาพจำว่าเขาคือ “ม่านอ๋อง” ราชาคนเถื่อนแห่งแดนใต้ ซึ่งก็คือมณฑลยูนนานของจีนในปัจจุบัน
ตามนวนิยายสามก๊กของหลอกว้านจง เบ้งเฮ็กคือผู้นำกลุ่มกบฏที่แข็งขืนต่ออำนาจจ๊กก๊กในสมัยเล่าเสี้ยน (ทายาทเล่าปี่) จนขงเบ้งต้องยกทัพลงไปกำราบด้วยตนเอง และซื้อใจด้วยการจับตัว 7 ครั้ง ปล่อย 7 ครั้ง เพื่อให้เบ้งเฮ็กยอมศิโรราบด้วยใจจริง มักถูกนำเสนอในภาพลักษณ์ของคนป่า เป็นพวกชายขอบแบบชาวอี๋ พวกไป่เยว่ ชาติพันธุ์ทางใต้ที่ห่างไกลจากความเป็นชาวฮั่น (จีน) มาก ส่วนคนที่อ่านงาน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็คงจะตั้งข้อสงสัยว่า“เบ้งเฮ็กอาจเป็นบรรพบุรุษของคนไท”
แต่จริง ๆ แล้วเบ้งเฮ็กเป็นจีน เป็น “ชาวฮั่น” ไม่ใช่คนป่า
ในจดหมายเหตุประวัติศาสตร์จีน ตั้งแต่ยุคราชวงศ์ตงฮั่น (ฮั่นตะวันออก, ค.ศ. 25-220) เรื่อยมาถึงยุคหนาน-เป่ย (ราชวงศ์เหนือ-ใต้, ค.ศ. 420-589) มักจะพบคำว่า “หนานจงต้าซิ่ง”หรือโคตรตระกูลใหญ่แห่งภาคใต้อยู่บ่อย ๆ คนกลุ่มนี้เองที่ช่วยยืนยันได้ว่า “เบ้งเฮ็กคือชาวฮั่น”
หนานจงต้าซิ่งคือกลุ่มผู้มีอิทธิพลสูงในแถบชายแดนภาคใต้ บริเวณมณฑลกุ้ยโจวและยูนนาน คนกลุ่มนี้มีทั้งที่เป็นชาวฮั่นใช้วัฒนธรรมจีน ชาวฮั่นที่รับวัฒนธรรมพื้นเมือง และคนพื้นเมืองที่รับวัฒนธรรมจีนแล้วหลอมรวมเข้ากับชาวฮั่น
จากหลักฐานประวัติศาสตร์ ชาวฮั่นจากดินแดนจงหยวน (ตงง้วน) ศูนย์กลางอารยธรรมจีน เริ่มเคลื่อนย้ายลงมายังยูนนานตั้งแต่ยุคราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อน ค.ศ.) และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อน ค.ศ. ถึง ค.ศ. 220)
บทความ“ชาติตระกูลของเบ้งเฮ็ก”ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน พ.ศ. 2537 เผยว่า “หนานจงต้าซิ่ง” เริ่มปรากฏในพงศาวดารจีนยุคตงฮั่น แล้วพวกเขาก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในพื้นที่กุ้ยโจวและยูนนานจนสามารถสร้างปัญหาให้ราชสำนักจีนในจงหยวนได้
ที่มาของพวกเขามาจากราชสำนักจีนยุคตงฮั่นเองที่มีนโยบายส่งชาวฮั่นไปตั้งหน่วยเพาะปลูกตามชายแดนทั้งภาคเหนือ ตะวันตก และภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาเสบียงกองทัพตามชายแดน และสร้างความมั่นคงให้อำนาจปกครองในเขตแดนที่ตั้งขึ้นใหม่
แนวทางการขยายอำนาจของจีนแต่โบราณคือการมุ่งยึดครองดินแดนอย่างจริงจัง ซึ่งการจะปกครองพื้นที่ต่าง ๆ อย่างมั่นคงก็ต้องมีพลเมืองที่ใช้วัฒนธรรมฮั่นรองรับด้วย หากผู้มีวัฒนธรรมฮั่นเป็นคนส่วนน้อย ย่อมถูกวัฒนธรรมพื้นเมืองกลืน ราชสำนักจึงกะเกณฑ์ผู้คนอพยพลงไปตามชายแดน แล้วส่งเสริมการจัดตั้ง “กองการผลิต” อย่างแข็งขัน ทั้งกำลังคน อาวุธ และวัฒนธรรม (การศึกษา)
บรรดาหัวหน้าหน่วยชาวฮั่นที่ถูกส่งลงมาภาคใต้ จึงมีอำนาจเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนมีกองทัพของตนเอง ส่วนหัวหน้าเผ่าชาวพื้นเมืองที่รู้จักปรับตัว ยอมเปลี่ยนมารับวัฒนธรรมของจีนก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเช่นกัน และในระหว่าง 2 ศตวรรษตั้งแต่ยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออกถึงยุคสามก๊ก ชาวฮั่นกับคนป่าในยูนนานเกิดการ “ดอง” กัน จนเกิดวัฒนธรรมผสมผสานที่ทำให้ชาวฮั่นกลายเป็นคนพื้นเมือง
ตระกูลของเบ้งเฮ็กก็คือหนึ่งในคนกลุ่มนี้เอง
ขณะที่เหล่าหัวหน้าชุมชนที่เรียกว่า “หนานจงต้าซิ่ง” เข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ภาคกลางของจีนก็เกิดความวุ่นวายไม่ว่างเว้น พอราชสำนักตงฮั่นอ่อนแอ พวกเขาจึงตั้งตัวเป็นอิสระ ยิ่งเมื่อเกิดกบฏโพกผ้าเหลืองขึ้นในปลายศตวรรษที่ 2 ราชสำนักจีนที่จงหยวนก็แทบไม่มีอำนาจใด ๆ ควบคุมพื้นที่ยูนนานกับกุ้ยโจวเลp
ภายหลังเล่าปี่ยึดเสฉวนได้แล้ว และก่อนขงเบ้งจะกรีฑาทัพลงมาปราบแดนใต้ ขงเบ้งเคยส่งข้าหลวงมาประจำยูนนาน หรือสมัยนั้นเรียก“อวี้โจว”(เอ๊กจิ๋ว) ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะครั้งแรกข้าหลวงยังไม่ถึงที่หมายก็ถูกฆ่าตายระหว่างทาง ส่วนครั้งที่สองหลังรับตำแหน่งได้ไม่นานก็ถูกพวกหนานจงต้าซิ่งจับตัวส่งไปให้ง่อก๊ก (ซุนกวน) เสียอย่างนั้น
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเหล่าหนานจงต้าซิ่งร่วมมือกับหัวหน้าเผ่าชาวพื้นเมืองแข็งข้อต่อจ๊กก๊ก โดยมีผู้นำคนแรกคือ “ยงคี” แต่ต่อมาเขาเสียชีวิต จึงมีผู้นำคนใหม่ที่ชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง นั่นคือ“เหมิ่งหั้ว”หรือเบ้งเฮ็ก
บรรพบุรุษของเบ้งเฮ็ก
เมื่อ ค.ศ. 1900 นักโบราณคดีขุดค้นบริเวณสุสาน “เหลียงตุย” ที่อำเภอจาวทง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูนนาน และพบศิลาจารึกหลักหนึ่งเรียกกันว่า “เหมิ่งเสี้ยวจวีเปย”หรือจารึกเหมิงเสี้ยวจวี ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ ค.ศ. 96 ในสมัยฮ่องเต้ฮั่นเหอตี้ ระบุว่า บิดาของเหมิ่งเสี้ยวจวีเคยเป็นนายอำเภออู่หยาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตมณฑลเสฉวน เหนือยูนนานขึ้นไป ส่วนตัวเขาศึกษาคัมภีร์ต่าง ๆ จากบิดาจนชำนาญ
ในสมัยตงฮั่น จาวทงเป็นดินแดนประเทศราชของจีน ส่วนในยุคสามก๊ก จ๊กก๊กจัดตั้งที่นี่เป็นเขตปกครองแบบ “จวิ้น” หรือแคว้นในอาณัติ ชื่อ “จูถี”ในพื้นที่ดังกล่าวยังพบโบราณวัตถุยุคกลางถึงปลายราชวงศ์ตงฮั่น และที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหมิ่งอีกหลายชิ้น เช่น ตราประทับเหมิงเถิง ตราประทับเหมิ่งฉิน ทำให้คาดคะเนได้ว่า ตระกูลเหมิ่งของเบ้งเฮ็กมีอิทธิพลอยู่ในแถบเมืองจาวทง และเขาก็สืบเชื้อสายมาจากนายอำเภออู่หยางในเสฉวน
เมื่อพิจารณาจากการที่เบ้งเฮ็กได้ขึ้นเป็นผู้นำการต่อต้านอำนาจจากเฉิงตู (เมืองหลวงของจ๊กก๊ก) โดยสืบทอดอำนาจจากยงคีที่เป็นชาวฮั่นเช่นกัน ก็เป็นไปได้สูงว่าเขามีเชื้อสายฮั่นเหมือนกัน เพราะแม้แดนใต้จะมีการผสมผสานกลมกลืนทางวัฒนธรรมไปมากแล้ว แต่ยังเป็นเรื่องยากที่ชาวฮั่นจะยอมให้ “คนป่า” ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพวกตน
นอกจากนี้ยังมีตอนหนึ่งที่ยงคีมอบหมายให้เบ้งเฮ็กไปเกลี้ยกล่อม และปลุกระดมคนพื้นเมืองที่ยังไม่ยอมเข้าร่วมมาเป็นพวก จนได้แนวร่วมมาเพิ่มให้กองทัพกบฏ ก็แสดงให้เห็นว่าเบ้งเฮ็กมีอิทธิพล เป็นที่รักและศรัทธาของผู้คนทั้งชาวฮั่น (ในยูนนาน) และคนพื้นเมือง
จึงค่อนข้างชัดเจนว่าม่านอ๋องเบ้งเฮ็กเป็น “หนานจงต้าซิ่ง” มีเชื้อสายฮั่น แต่ผูกพันใกล้ชิดกับคนพื้นเมือง ใช้วัฒนธรรมผสมผสานระหว่างจีนกับคนป่า และเป็นประมุขที่ทั้งชาวฮั่นอวี้โจวและชาวอี๋ยอมรับ
อ่านเพิ่มเติม :
- ไป่เยว่ : บรรพบุรุษของชนชาติไทเท่านั้นหรือ?
- “ยูนนาน” ไม่ได้เป็นจีนมาตั้งแต่แรก แล้วชาวจีน (ฮั่น) เข้ามาในยูนนานเมื่อไหร่ ยังไง?
- นโยบายปกครองเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ของ “โจโฉ” เบื้องหลังความแข็งแกร่งของรัฐวุยในยุคสามก๊ก
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
สามก๊ก ฉบับสามกั๊ก (ไม่ระบุผู้เขียน). ชาติตระกูลของเบ้งเฮ็ก. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนเมษายน พ.ศ. 2537.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 สิงหาคม 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “เบ้งเฮ็ก” ม่านอ๋องที่ขงเบ้งยกทัพไปปราบ จับ 7 ครั้ง ปล่อย 7 หน จริง ๆ แล้วคือคนจีน?
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com