"สกสว." ร่วมพิธีปิดงาน "อว. แฟร์ 2025" สรุป 9 วัน ตอกย้ำความสำคัญของวิจัย-นวัตกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดย ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ได้มอบหมายให้ ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในการนำคณะผู้บริหาร และพนักงาน สกสว. เข้าร่วมพิธีปิดงาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ” หรือ “อว.แฟร์ 2025 : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” พร้อมรับโล่แสดงความขอบคุณผู้ร่วมจัดงาน โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานกล่าวสรุปผลการจัดงาน อว. แฟร์ และกล่าวขอบคุณหน่วยงานร่วมจัดงาน พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. ร่วมพิธีปิดอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ เวทีกลาง Hall 2 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการ สกสว. เปิดเผยว่างาน อว.แฟร์ 2025 ครั้งนี้ สกสว. ได้นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมภายใต้การสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมาจัดแสดง ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง รวมถึงผู้ประกอบการ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ สกสว. ยังมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 9 วันที่จัดงาน มีประชาชนหลากหลายช่วงวัย เข้ามาเยี่ยมชมบูธกว่า 15,000 คน
สำหรับบูธของ สกสว. ถูกออกแบบให้สะท้อนบทบาทการผลักดันงานวิจัยไทยไปสู่การใช้ประโยชน์ โดยนำเสนอใน 3 โซนหลัก ได้แก่ โซน Rice for the Future : พบนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าข้าวไทย และข้าวไทยหลากหลายสายพันธุ์ ตัวอย่างผลงานวิจัยที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ พันธุ์ข้าวจากงานวิจัย 20 สายพันธุ์ เทคโนโลยีลำไออนพลังงานต่ำเพื่อการปรับปรุงพันธุ์ข้าวและข้าวลำไอออนที่ช่วยเร่งการปรับปรุงพันธุ์ข้าวได้ในเวลาเพียง 2.5 ปี โปรแกรม AI ตรวจสอบคุณภาพข้าวและสายพันธุ์ข้าว การผลิตข้าวยั่งยืนที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน เครื่องดื่มน้ำนมข้าวยาคูออร์แกนิคที่มีคุณค่าสารอาหารสูง ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงจากสารสกัดจากข้าวมีสี ฟองข้าสุรดา ฟองน้ำข้าวเจ้าสำหรับห้ามเลือดในห้องผ่าตัด และสีจากฟางข้าว ที่เป็นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าให้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
โซน Silk to Star : พบผลงานวิจัยที่สะท้อนภูมิปัญญาไทยสู่นวัตกรรมไหมไทยระดับสากล ตัวอย่างผลงานวิจัยที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ไหมพันธุ์น่าน 72 ที่ได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีผลผลิตสูงและคุณภาพดีเหมาะสมกับภูมิภาคต่าง ๆ พันธุ์หม่อน (พันธุ์ศรีสะเกษ) เทคโนโลยีการเคลือบเส้นไหมด้วยไคโตซานเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้เส้นไหมช่วยป้องกันรังสี UV นวัตกรรมการผลิตผ้าไหมและเส้นไหมด้วยกราฟีนเพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้แก่ผืนผ้าไทยช่วยให้ผ้าไหมเย็นขึ้น และนุ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์แอคทีฟแวร์จากเส้นใยไหมที่มีการต่อยอดเชิงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน และผลงาน SilkLife ที่นำเสนอการต่อยอดจาก “ไหมไทย” สู่การแพทย์และอุตสาหกรรมสุขภาพ ผ่านผลิตภัณฑ์ SilkLife สารละลายโปรตีนไฟโบร อินปลอดเชื้อที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 10993 สามารถประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้าน เช่น วัสดุการแพทย์ ฟื้นฟูข้อเสื่อม เวชภัณฑ์ทันตกรรม และวัคซีนสำหรับสัตว์
โซน Smart Living Hub : พบเทคโลยีสมัยใหม่ที่พร้อมนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างผลงานวิจัย ตัวอย่างผลงานวิจัยที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ Power Lift Bed นวัตกรรมเตียงนอนรองรับสังคมสูงวัย เซนเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหวและระบบตรวจสอบสุขภาพของอาคาร DustBoy ระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ และ DustGirl ระบบเติมอากาศอัจฉริยะ เพื่อรับมือปัญหา PM2.5 พลาสติกชีวภาพยืดอายุอาหารจากมันสำปะหลังที่มีประสิทธิภาพในการยืดอายุอาหารสูง มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาด และทรายประกายมุก WaG MuS ที่ได้นำการวิจัยไปช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเปลือยหอยแมลงภู่เหลือทิ้งให้กลับมามีคุณค่าทางศิลปะ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สอดคล้องกับแนวคิด BCG Economy ในส่วนของ “Waste – to – Wealth”
ศ. ดร.วิษณุ ระบุว่า การจัดแสดงบูธครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ว่า “งานวิจัยไม่ได้อยู่แค่ในห้องทดลอง แต่สามารถออกมาอยู่ในชีวิตจริงของประชาชน” และชี้ว่า สกสว. พร้อมผลักดันงานวิจัยจากระดับพื้นฐานไปจนถึงการใช้ประโยชน์ซึ่งจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงงานต่อเนื่องที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยในเดือนพฤศจิกายน 2568 สกสว. จะจัดงานระดับนานาชาติ “Venture Rise Thailand 2025” (VR Thailand 2025) ในวันที่ 25–26 พฤศจิกายน 2025 ณ โรงแรม Park Hyatt Bangkok และศูนย์การค้า Central Embassy เพื่อเปิดเวทีให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุนในผลงานวิจัยและนวัตกรรมไทย โดยตั้งเป้าขยายผลนวัตกรรมไทยให้ไปสู่ตลาดโลก
“งาน อว.แฟร์ ครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้เห็นว่า งานวิจัยที่ สกสว. สนับสนุน สามารถเข้าถึงประชาชนจริง และมีศักยภาพในการต่อยอดทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เรามั่นใจว่าจะช่วยยกระดับ GDP ของประเทศ และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจนวัตกรรมไทย” ศ. ดร.วิษณุ กล่าว