โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พ่อนายกฯรอด112 ศาลไม่เชื่อ‘คลิป-พยาน’ ชงเพิกถอนห้ามไปนอก!

ไทยโพสต์

อัพเดต 23 สิงหาคม 2568 เวลา 3.38 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” คดีมาตรา 112 ให้สัมภาษณ์สื่อแดนกิมจิ ชี้โจทก์พิสูจน์คลิปไม่ได้ว่าถูกตัดต่อหรือไม่ ซ้ำร้ายพยานมีอคติ ไม่มีการใช้คำราชาศัพท์หรือเอ่ยถึงรัชกาลที่ 9 “วิญญัติ” โอ่ทันทีเตรียมชงขอออกนอกประเทศ แต่มั่นใจไม่ไปเร็วๆ นี้ และจะไปฟังคำสั่งในคดีป่วยทิพย์แน่ ดักคออย่าสักแต่อุทธรณ์ “อัยการ” บอกมีเวลา 30 วันที่ อสส.จะพิจารณา

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีนายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้พาดพิงดูหมิ่นสถาบันเมื่อปี 2558 ซึ่งนายทักษิณจำเลยให้การปฏิเสธ และศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยกําหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งศาลได้สืบพยานฝ่ายโจทก์-จำเลยแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า หลังจากที่รับทำคดีนี้และเห็นพยานหลักฐานตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน มีความชัดเจน และในการสืบพยานโจทก์ 3 นัด ก็ยิ่งชัดเจนว่าเรามาถูกทางแล้ว

“ท่านทักษิณพูดเสมอมาว่า ท่านเป็นอดีตนายกฯ เป็นผู้ที่มีความสำนึกต่อความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ความจงรักภักดีของท่านมีอย่างชัดเจน และประจักษ์ชัด เหตุดังกล่าวนี้ท่านก็บอกแล้วว่า ไม่ได้มาจากคำพูดของท่านอย่างถูกต้อง และท่านเชื่อว่าเป็นการตัดต่อ ซึ่งเราก็พยายามพิสูจน์ แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธโจทก์ก็ต้องพิสูจน์ว่าไม่ใช่การตัดต่ออย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำได้หรือไม่ได้” นายวิญญัติกล่าว

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ กล่าวว่า ต้องรอฟังศาลว่าวินิจฉัยอย่างไร แต่ส่วนตัวเชื่อว่าท่านมีความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันอย่างยิ่ง ส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวนี้ท่านก็ทำตามขั้นตอน เมื่อผ่านกระบวนการของศาล ก็เข้าสู่กระบวนการรับโทษ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่าจะดำเนินการอย่างไร และหากศาลจะพิจารณาอย่างไรเราก็เคารพ เพราะถือว่าเป็นกระบวนการยุติธรรม

ต่อมาเวลา 09.30 น. นายทักษิณเดินทางถึงศาลอาญา โดยโบกมือทักมวลชนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของศาลได้ประสานให้นายทักษิณเข้าประตูด้านข้าง โดยมี น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวทักษิณ ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจด้วย ซึ่งทั้งคู่สวมกอดกันก่อนขึ้นอาคารศาล

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เห็นควรวินิจฉัยก่อนว่า จำเลยเป็นผู้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวตามคลิปวิดีโอ โดยมีเนื้อหาของข้อความตามคำฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพยานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและพยานปากนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล มาเบิกความยืนยันว่าดูคลิปวิดีโอแล้วเห็นว่าเป็นการกล่าวถ้อยคำให้สัมภาษณ์จำเลยจริง แม้โจทก์ไม่มีคลิปให้สัมภาษณ์ของจำเลยฉบับเต็มมาเป็นหลักฐาน แต่เมื่อพยานโจทก์ต่างยืนยันว่าคลิปวิดีโอเป็นคลิปให้สัมภาษณ์ของจำเลยบางช่วงบางตอน และพยานโจทก์เห็นว่าสามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอ ไม่ปรากฏว่าเป็นการตัดต่อในส่วนใด และส่วนไหนไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงกับความจริง จึงเป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้มาสนับสนุนหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ประกอบกับจำเลยยังเบิกความตอบโจทก์ถามค้านรับว่า บุคคลและเสียงในคลิปวิดีโอเป็นจำเลย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สาธารณรัฐเกาหลี ตามคลิปวิดีโอโดยมีเนื้อหาของข้อความตามคำฟ้อง ไม่ได้เป็นการตัดต่อหรือเสริมแต่งเพื่อใส่ความให้ร้ายจำเลย

ในส่วนของข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์ตามฟ้องนั้น เป็นการพูดหรือแสดงหรือพาดพิงหรือทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์หรือไม่ เห็นว่า ข้อความที่จะถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องได้ความว่าการใส่ความนั้นระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความ หรือเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่รู้ได้แน่นอนว่าบุคคลที่ถูกใส่ความเป็นใคร หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความโดยตรง การใส่ความนั้นก็ต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

ไม่ได้ใช้คำรัชกาลที่ 9

ส่วนการดูหมิ่น ต้องพิจารณาว่าถ้อยคำที่กล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาทผู้ที่ถูกกล่าวถึงขนาดทำให้อับอายหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นแล้ว อีกทั้งความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการใช้ข้อความหรือคำพูด ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า เมื่อวิญญูชนโดยทั่วไปได้พบเห็นหรือได้อ่านหรือได้ยินข้อความนั้นแล้ว จะส่งผลให้ผู้ถูกกระทำเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังหรือไม่ เมื่อพิจารณาข้อความหรือถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของจำเลย มิได้ใช้คำว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยตรง และไม่ได้ใช้ถ้อยคำสรรพนามที่อ้างถึงบุคคลที่สามโดยมีคำราชาศัพท์หรือถ้อยคำที่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด หากแต่ใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 ว่าเขา เรียกแทนบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือบุคคลอื่นหลายคนรวมกัน และยังมีคำว่าองคมนตรี ทหาร Palace Circle และคนในวัง ล้วนแต่อยู่ในประโยคคำให้สัมภาษณ์ของจำเลย เห็นว่า พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาที่โจทก์นำมาเป็นพยานเพียงปากเดียว กับพยานบุคคลภายนอกที่โจทก์อ้างมา ล้วนแต่เข้าร่วมชุมนุมขับไล่จำเลยทางการเมือง อันส่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีอคติต่อจำเลย จึงมีข้อสงสัยถึงความเป็นกลางและต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง พยานบุคคลดังกล่าวของโจทก์จึงไม่อาจแสดงให้เชื่อได้ว่าวิญญูชนทั่วไปจะตีความข้อความที่จำเลยกล่าวไปในลักษณะที่พยานเหล่านั้นเข้าใจ ส่วนพยานที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจของโจทก์ก็ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากพยานเบิกความตอบคำถามค้านสอดคล้องกันว่า ในระหว่างการดำเนินคดีกับจำเลยนั้น

ความจริงพยานต่างเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องจำเลยได้ เพราะคลิปวิดีโอของกลางไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นต้นฉบับ ทั้งไม่สามารถสืบหาบุคคลที่นำคลิปลงเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบกับเมื่อพิจารณาเพจแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ยูทูบ ที่นำคลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์ของจำเลยมาเผยแพร่ลงในระบบคอมพิวเตอร์ พบว่าบุคคลที่นำมาเผยแพร่ซึ่งเป็นคนที่ได้รับฟังคลิปวิดีโอมาตั้งแต่แรก ล้วนเข้าใจตรงกันว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงนายสุเทพกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และองคมนตรีเท่านั้น ไม่ได้เข้าใจว่าถ้อยคำให้สัมภาษณ์นั้นจะพาดพิงหรือสื่อความหมายหรืออ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร พยานหลักฐานทั้งหมดที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยกล่าวข้อความตามคำฟ้องโดยเจตนาหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 หรือเมื่อวิญญูชนทั่วไปได้พบเห็นหรืออ่านข้อความที่จำเลยกล่าวแล้วจะเข้าใจได้ว่าหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

ในขณะที่การสืบพยานหลักฐานของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามฟ้อง สำหรับข้อหาร่วมกันแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องแต่มิได้นำพยานหลักฐานใดๆ มานำสืบเกี่ยวกับข้อหานี้เลย จึงรับฟังไม่ได้

สำหรับความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ เห็นว่า เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำเลยจึงไม่มีความผิดในข้อหานี้

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้อง นายทักษิณเดินออกจากศาลพร้อมทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ที่หน้าทางเข้าศาลอาญา พร้อมยิ้มแย้มตอบคำถามสื่อว่า ยกฟ้อง ยกฟ้อง ก่อนเดินขึ้นรถยนต์ออกไป

ศาลเปิดดิกฯ ต่างประเทศ

ขณะที่นายวิญญัติกล่าวว่า ศาลยกฟ้องนายทักษิณโดยใช้เหตุผลหลากหลายเหตุผล และการพิสูจน์ของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ตามฟ้อง โดยเรื่องนี้จากการสัมภาษณ์ที่เกาหลี ศาลได้ใช้หลักการในการชั่งน้ำหนักตัววัตถุพยาน ศาลเชื่อว่ามีการสัมภาษณ์จริงที่นั่น แต่บทสัมภาษณ์มีมากกว่าที่ปรากฏภายในคลิปวิดีโอซึ่งเป็นบางส่วนและมีถ้อยคำตรงกัน เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ ไม่ใช่หน้าที่จำเลยที่ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าเป็นการตัดต่อหรือไม่ เพราะส่วนนี้เป็นหน้าที่ของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้พิสูจน์ให้ชัดเจนว่าไม่ได้ตัดต่อ ศาลรับฟังด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ ศาลยังใช้พจนานุกรมของต่างประเทศ ว่าความหมายตามที่ปรากฏในคำฟ้องหมายถึงอะไรบ้าง ซึ่งรับฟังได้ว่าความหมายดังกล่าวไม่ได้หมายถึงพระมหากษัตริย์ เมื่อเป็นเช่นนั้น องค์ประกอบความผิด องค์ประกอบภายนอก จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 และองค์ประกอบที่เป็นการกระทำต้องทำให้เข้าใจว่าหมายถึงบุคคลใด

เมื่อถามว่า มีความกังวลใจในการอุทธรณ์ในชั้นต่อไปหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า คดีนี้ยกฟ้อง การอุทธรณ์เป็นหน้าที่ของอัยการ ซึ่งเป็นโจทก์จะพิจารณาว่ามีประเด็นอะไรที่จะอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งการจะอุทธรณ์ประเด็นใดบ้าง มักอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ถ้าข้อกฎหมายยังเห็นไม่ตรงกันก็อาจอุทธรณ์ได้ แต่เรื่องนี้ข้อเท็จจริงค่อนข้างชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าไม่กังวลถ้าจะมีการอุทธรณ์หลังจากนี้ ถ้าอุทธรณ์มาทางทีมทนายความก็มีหน้าที่แก้อุทธรณ์

“การอุทธรณ์ไม่ใช่สักแต่จะอุทธรณ์อย่างเดียว ต้องดูว่ามีสาระสำคัญหรือข้อกฎหมายที่ควรจะอุทธรณ์หรือไม่ ทำคดีการเมืองมาหลายเรื่องก็ไม่เห็นว่าจะอุทธรณ์ทุกเรื่อง เดี๋ยวสังคมก็ไปกดดันว่าต้องให้อัยการอุทธรณ์เหมือนกับที่กดดันให้ดำเนินคดีนายทักษิณ และความเห็นของสังคมที่ทำลายและแย่งชิงอำนาจ ซึ่งไม่อยากใช้คำว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะนี่คือปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบัน จึงไม่อยากให้ศาลตกเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง”

นายวิญญัติกล่าวอีกว่า หลังจากศาลมีคำสั่งยกฟ้อง นายทักษิณยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณทีมทนายความ พร้อมบอกว่า หลังจากนี้จะได้ทำคุณประโยชน์และทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ ส่วนบรรยากาศในช่วงการฟังคำพิพากษา นายทักษิณมีท่าทางเรียบเฉยและใช้สมาธิในการฟังคำพิพากษาของศาล และเมื่อศาลอ่านถึงท่อนที่ว่าพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ นายทักษิณจึงยิ้มและดีใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ตกเป็นจำเลยอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อกล่าวหานี้ที่มองว่าเป็นข้อกล่าวหาที่นำมาเล่นงานนายทักษิณและเจ้าตัวก็ตกเป็นเหยื่อ ตอนนี้ก็ถือว่าได้พิสูจน์ตัวเองและเดินเข้าสู่กระบวนการอย่างเต็มที่ ซึ่งผลก็ออกมาตามที่ทุกคนเห็น

ถามถึงเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศ นายวิญญัติกล่าวว่า ตอนนี้ข้อหานี้ยกฟ้องแล้ว ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หลังจากนี้ทีมทนายความจะยื่นคำร้องเพิกถอนในเร็วๆ นี้แน่นอน ส่วนการเดินทางไปในช่วงนี้หรือไม่นั้น นายทักษิณคงไม่เดินทางไปในเร็ววันนี้ ส่วนที่ระบุว่าสังคมกังวลจะมีการหลบหนีก่อนที่จะนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 นายทักษิณยืนยันว่าจะเข้าฟังการนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 อย่างแน่นอน บุคคลที่ชอบคิดว่านายทักษิณจะหนี หรือเอาผลประโยชน์เข้าครอบครัว คงไม่กราบวิงวอนบุคคลเหล่านี้ให้เลิกคิด เพราะเป็นไปได้ยาก ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักจะอาศัยกินบุญเก่า คิดว่าพูดแล้วจะมีคนฟังหรือเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง อันนี้อยู่ที่สติปัญญาของบุคคลในสังคม และอยากฝากบุคคลในสังคมให้ใช้สติปัญญาในการรับฟังบุคคลกลุ่มนี้ด้วย ที่ผ่านมาก็พิสูจน์อยู่แล้วว่านายทักษิณไม่ได้หลบหนี และสู้คดีดังกล่าวมาโดยตลอด

ลุ้นอุทธรณ์ใน 30 วัน

นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หลังจากนี้ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนจะต้องไปขอคัดถ่ายคำพิพากษามาเพื่อทำความเห็นไปยังพนักงานอัยการกองคดีอัยการสูงสุดพิจารณากลั่นกรอง และทำความเห็นต่อไปยังรองอัยการสูงสุดที่มีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งรอง อสส.ก็จะทำความเห็นส่งไปให้ อสส.เป็นผู้พิจารณาลำดับสุดท้ายว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ภายใน 30 วัน ซึ่งหากครบกำหนดแล้ว อสส.ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จก็อาจขยายเวลาก็ได้ โดยปกติก็จะขอขยายครั้งละ 30 วัน

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ถือเป็นข้อยุติ ซึ่งเป็นแค่เรื่องหนึ่งที่ได้ตัดสินใจไป อย่าเอาไปผูกกับคนอื่น เพราะไม่เกี่ยวกัน คดีที่ศาลพิจารณาก็พิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป อย่าเอาไปผูกกัน เพราะอาจไปละเมิดอำนาจศาลได้ และไม่มีสัญญาณการเมืองอะไรทั้งนั้น เป็นความเป็นจริงที่ศาลพิจารณาตามความเหมาะสม

ส่วนจะทำให้ขวัญกำลังใจของสมาชิกพรรคเพื่อไทยดีขึ้นหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขวัญกำลังใจสมาชิกพรรคเพื่อไทยดีมาตลอด เพราะมั่นใจในสิ่งที่ทำว่าไม่ได้มีอะไรที่ผิดกฎหมาย

นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ส่งผลอะไรกับพรรคเพื่อไทย เพราะนายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารพรรคในปัจจุบัน แต่ยอมรับว่าการที่นายทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ถือเป็นสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่พวกเราให้ความเคารพรัก และเราก็เชื่อมั่นอยู่แล้วว่านายทักษิณไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา การที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ก็ทำให้คนในพรรคเพื่อไทยต่างรู้สึกยินดี

เมื่อถามถึงคดีการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 นายพัฒนากล่าวว่า เรื่องชั้น 14 นายทักษิณถือเป็นผู้ต้องขัง การที่จะพักรักษาตัวที่ไหนอย่างไร นายทักษิณไม่มีอำนาจไปทำอะไรอยู่แล้ว เพราะเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อมั่นว่านายทักษิณจะผ่านเรื่องนี้ไปได้

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาล และฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เป็นเรื่องของนายทักษิณกับศาล เมื่อศาลยกฟ้อง หรือจะพิจารณาอย่างไรเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ ไม่เกี่ยวกับฝ่ายนิติบัญญัติ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กว่า พ่อจ๋าเราแพ้แล้ว เราชักสงสัยแล้วว่า เราเป็นพลเมืองดีของรัฐนี้หรือเปล่า หรือเราเป็นเพียงขยะของแผ่นดิน เราเทิดทูนพ่อเสมอ เรามิใช่เป็นบุคคลอันตรายต่อพ่อ เวลาใครพูดอะไรที่ไม่เคารพพ่อเราจึงเจ็บปวด เราปกป้องพ่อด้วยชีวิตเสมอมา เขาเสียอีก ที่ทำให้เราเห็นว่า ไม่ปกป้องพ่อ เราอยากให้เขาสำนึก แต่เขาหาได้สำนึกไม่ ทุกย่างก้าวของเขาช่างแผดร้อน เหมือนเผาผลาญแผ่นดินนี้ให้วอดวาย เขาเป็นบุคคลอันตรายผู้ทุจริต สิ่งที่เขาทำกับพ่อ เราจำได้เสมอ แต่เขารอดปลอดภัยทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน อยากบอกพ่อว่า เราทำดีที่สุดแล้ว เราทำได้แค่นี้จริงๆ พ่อจ๋า…เราแพ้แล้ว.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ไทม์ไลน์นรกของ ‘ทักษิณ’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘3 นายพล’ ไขก๊อก!

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สติมา..ปัญญาเกิด

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คาดอิ๊งค์ไขก๊อกหลังครม.26ส.ค.

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

คานสะพานลอยคนข้าม ร่วงระหว่างก่อสร้าง ถนนหมายเลข 317 ใกล้เคียงทางเข้า ตลาดเทศบาลอำเภอมะขาม โชคดีไร้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จ.จันทบุรี

สวพ.FM91
วิดีโอ

อย่างที่คิดไว้! เรวัช มอง เขมรไม่กล้าฮือกับไทย ยอมรับง่ายๆ ทหารตัวเองเมา หลังเผชิญหน้าผู้กองอะตอม

BRIGHTTV.CO.TH

สภาพอากาศวันนี้ -28 ส.ค. จับตาพายุโซนร้อน กระทบไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง

ฐานเศรษฐกิจ

ยังมีน้ำท่วมขัง ถนนสายดอนแก้ว - แม่ริม รถเล็กควรหลีกเลี่ยง จ.เชียงใหม่

สวพ.FM91

กรมอุตุเปิดเส้นทาง “พายุดีเปรสชัน” เตือนประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

เดลินิวส์

เช็กขั้นตอน-จุดขึ้นทะเบียนหมาแมว กทม. ฝังไมโครชิปฟรี ก่อน 10 ม.ค. 69

ฐานเศรษฐกิจ

คาดอิ๊งค์ไขก๊อกหลังครม.26ส.ค.

ไทยโพสต์

ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2568

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...