โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนห้ามแคะจมูกและขี้มูก จริงหรือ ?

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท

บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ

30กรกฎาคม 2568

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล ผู้ปกครองหลายท่านอาจเคยได้รับคำเตือนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน พฤติกรรม หรือพัฒนาการ ซึ่งบางครั้งก็สร้างความสับสนและวิตกกังวลไม่น้อย บทความนี้จะพาทุกท่านไปตรวจสอบ 5 คำเตือนยอดฮิตที่มักแชร์กันบนโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญค่ะ

1. กินขี้มูก สุขภาพดี จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ ศ.นพ.เจษฎา กาญจนอัมพร อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์

ความเชื่อนี้อาจมาจากสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ถูกนำมาตีความและส่งต่อกันแบบผิด ๆ โดยให้เหตุผลว่าการกินเชื้อโรคที่อ่อนแอในน้ำมูกเข้าไปจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำมูกคือเมือกที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อดักจับฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ปอด การกินน้ำมูกจึงเท่ากับการนำสิ่งสกปรกและเชื้อโรคเหล่านั้นกลับเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพแต่อย่างใด และอาจไม่ถูกสุขลักษณะด้วย

2. สีน้ำมูกบอกโรคได้ จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ อ.นพ.ธิติวัฒน์ ศรีประสาธน์ หน่วยโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ต่อ

สีของน้ำมูกสามารถเป็นสัญญาณบ่งบอกเบื้องต้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายได้จริง

  • ใส : อาจเป็นอาการเริ่มต้นของหวัด หรือเป็นโรคภูมิแพ้
  • ขาวขุ่น : อาจหมายถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ
  • เหลือง/เขียว : อาจหมายถึงการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น และสีที่เห็นคือซากของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว
  • ดำ : ไม่ได้พบแค่ในผู้สูบบุหรี่หรือผู้ติดเชื้อราเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดจากการสูดดมฝุ่นควัน มลภาวะ หรือสิ่งสกปรกเข้าไปในปริมาณมากได้

อย่างไรก็ตาม สีของน้ำมูกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถใช้วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ควรพิจารณาอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย และหากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์

3. เหตุผลที่ไม่ควรสั่งน้ำมูกแรงเกินไป จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ ศ.นพ.เจษฎา กาญจนอัมพร อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ต่อ

เมื่อเป็นหวัดหรือมีน้ำมูก การสั่งน้ำมูกแรง ๆ อาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ช่วยให้โล่งจมูกได้เร็วที่สุด แต่แท้จริงแล้วกลับสร้างผลเสียได้ การสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรงจะสร้างแรงดันมหาศาลในโพรงจมูก ซึ่งแรงดันนี้อาจส่งผลกระทบไปยังอวัยวะข้างเคียง เช่น หูชั้นกลาง (ผ่านท่อยูสเตเชียน) ทำให้เกิดอาการปวดหู หรืออาจทำให้ปวดศีรษะได้ ยิ่งไปกว่านั้น การสั่งน้ำมูกโดยการปิดจมูกข้างหนึ่งแล้วสั่งแรง ๆ อาจดันเอาน้ำมูกที่มีเชื้อโรคย้อนกลับเข้าไปในโพรงไซนัส และอาจนำไปสู่การอักเสบของไซนัสได้ ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยและดีที่สุดคือการสั่งน้ำมูกเบา ๆ ทีละข้าง

4. แคะขี้มูกอันตรายถึงชีวิตจริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ อ.นพ.เจษฎา กาญจนอัมพร ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริงบางส่วน แชร์ได้ อธิบายเพิ่ม

เป็นความจริงเพียงบางส่วน และมีความเสี่ยงในกรณีเฉพาะ แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ก็มีความจริงอยู่บ้างในคำเตือนนี้ การแคะจมูกอาจทำให้เกิดรอยถลอกหรือบาดแผลเล็ก ๆ ภายในโพรงจมูกที่บอบบางได้ เมื่อมีแผลเปิด เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ตามนิ้วมือและเล็บของเราก็อาจเข้าสู่กระแสเลือดได้ บริเวณจมูกและรอบปากถูกเรียกว่า “สามเหลี่ยมอันตราย” (Danger Triangle of the Face) เนื่องจากหลอดเลือดดำในบริเวณนี้เชื่อมต่อโดยตรงกับหลอดเลือดในสมอง ในทางทฤษฎี เชื้อโรคจึงอาจเดินทางไปยังสมองและก่อให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้

อย่างไรก็ตาม ในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายมีกลไกภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ ทำให้โอกาสที่เชื้อจะลุกลามไปถึงสมองนั้นต่ำมาก กลุ่มเสี่ยงหลักคือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้ติดเชื้อง่ายอยู่แล้ว

5. ใช้นิ้วแคะจมูกบ่อย ๆ ทำให้จมูกบาน จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ นพ.กฤษฎา โกวิทวิบูล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ

ความกังวลว่าการแคะจมูกจะทำให้จมูกโตขึ้นหรือปีกจมูกบานออกนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างสิ้นเชิง โครงสร้างของจมูก ไม่ว่าจะเป็นสันจมูกหรือรูจมูก ถูกกำหนดโดยพันธุกรรมและโครงสร้างของกระดูกอ่อนเป็นหลัก การใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการแคะจมูกไม่ได้มีแรงมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างถาวรของจมูกได้ หากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้นั้น อาจจะต้องใช้แรงกดค้างไว้เป็นเวลาต่อเนื่องนาน 6-10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ดังนั้น สบายใจได้ว่าการแคะจมูกไม่ได้ทำให้จมูกของคุณเสียทรงแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, อัครวุฒิ ตู้วชิรกุล

ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ติดตามชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนห้ามแคะจมูกและขี้มูก จริงหรือ ?

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สำนักข่าวไทย Online

ชัวร์ก่อนแชร์: หินดวงจันทร์ของจีนและสหรัฐฯ มาจากดาวคนละดวง จริงหรือ?

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2568

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตบสาวไทย ชนะ ฟิลิปปินส์ 3-1 เซต ศึก ซี วี.ลีก 2025 สนามที่ 1

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตลท.-กองทัพไทย ส่งมอบสิ่งของผู้ประสบภัยน้ำท่วมและเหตุปะทะชายแดน

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

โอกาสทองของการปฏิวัติกองกำลังของชาติ

ไทยโพสต์

ดวงประจำวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2568

AEC10NEWs

‘อ.ปริญญา’ แฉหลักฐานใหม่ ‘ฮุนเซน-ฮุน มาเนต’ ทำผิดรัฐธรรมนูญกัมพูชา

The Bangkok Insight

ทูต-สื่อเห็นกับตาจุดเขมรถล่ม ญาติเหยื่อร่ำไห้เล่านาทีชีวิต

MATICHON ONLINE

จะรอดู ทหารเขมรจะอยู่ได้ซักกี่น้ำ!! แนะ ทหารล้อมปราสาทตาควาย

TOJO NEWS

สอบก.พ.68 ภาค ก.วันที่ 3 ส.ค.68 ต้องเตรียมตัวอย่างไร เช็กเลย

ฐานเศรษฐกิจ

ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเล็กน้อย “ภาคใต้” ฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่

เดลินิวส์

เดลินิวส์ 2 ส.ค.จุดไฟสู้รบ-ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ไทยฟ้องทูต กัมพูชาไร้มนุษยธรรม

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

ชัวร์ก่อนแชร์ : สรุปไทม์ไลน์ 7 วัน เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

สำนักข่าวไทย Online

ชัวร์ก่อนแชร์ : นอนหลับแบบหงายท้อง เสี่ยงอัลไซเมอร์เพิ่ม 73% จริงหรือ ?

สำนักข่าวไทย Online

ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : Reel Relationship ? — ความสัมพันธ์จากเทรนด์ของวิดีโอสั้นแนวตั้ง

สำนักข่าวไทย Online
ดูเพิ่ม
Loading...