ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนห้ามแคะจมูกและขี้มูก จริงหรือ ?
บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
30กรกฎาคม 2568
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล ผู้ปกครองหลายท่านอาจเคยได้รับคำเตือนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน พฤติกรรม หรือพัฒนาการ ซึ่งบางครั้งก็สร้างความสับสนและวิตกกังวลไม่น้อย บทความนี้จะพาทุกท่านไปตรวจสอบ 5 คำเตือนยอดฮิตที่มักแชร์กันบนโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญค่ะ
1. กินขี้มูก สุขภาพดี จริงหรือ ?
ตรวจสอบกับ ผศ.นพ.เจษฎา กาญจนอัมพร อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์
ความเชื่อนี้อาจมาจากสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ถูกนำมาตีความและส่งต่อกันแบบผิด ๆ โดยให้เหตุผลว่าการกินเชื้อโรคที่อ่อนแอในน้ำมูกเข้าไปจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้ำมูกคือเมือกที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อดักจับฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ปอด การกินน้ำมูกจึงเท่ากับการนำสิ่งสกปรกและเชื้อโรคเหล่านั้นกลับเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพแต่อย่างใด และอาจไม่ถูกสุขลักษณะด้วย
2. สีน้ำมูกบอกโรคได้ จริงหรือ ?
ตรวจสอบกับ อ.นพ.ธิติวัฒน์ ศรีประสาธน์ หน่วยโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ต่อ
สีของน้ำมูกสามารถเป็นสัญญาณบ่งบอกเบื้องต้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายได้จริง
- ใส : อาจเป็นอาการเริ่มต้นของหวัด หรือเป็นโรคภูมิแพ้
- ขาวขุ่น : อาจหมายถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ
- เหลือง/เขียว : อาจหมายถึงการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น และสีที่เห็นคือซากของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว
- ดำ : ไม่ได้พบแค่ในผู้สูบบุหรี่หรือผู้ติดเชื้อราเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดจากการสูดดมฝุ่นควัน มลภาวะ หรือสิ่งสกปรกเข้าไปในปริมาณมากได้
อย่างไรก็ตาม สีของน้ำมูกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถใช้วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ควรพิจารณาอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย และหากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์
3. เหตุผลที่ไม่ควรสั่งน้ำมูกแรงเกินไป จริงหรือ ?
ตรวจสอบกับ ผศ.นพ.เจษฎา กาญจนอัมพร อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ต่อ
เมื่อเป็นหวัดหรือมีน้ำมูก การสั่งน้ำมูกแรง ๆ อาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ช่วยให้โล่งจมูกได้เร็วที่สุด แต่แท้จริงแล้วกลับสร้างผลเสียได้ การสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรงจะสร้างแรงดันมหาศาลในโพรงจมูก ซึ่งแรงดันนี้อาจส่งผลกระทบไปยังอวัยวะข้างเคียง เช่น หูชั้นกลาง (ผ่านท่อยูสเตเชียน) ทำให้เกิดอาการปวดหู หรืออาจทำให้ปวดศีรษะได้ ยิ่งไปกว่านั้น การสั่งน้ำมูกโดยการปิดจมูกข้างหนึ่งแล้วสั่งแรง ๆ อาจดันเอาน้ำมูกที่มีเชื้อโรคย้อนกลับเข้าไปในโพรงไซนัส และอาจนำไปสู่การอักเสบของไซนัสได้ ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยและดีที่สุดคือการสั่งน้ำมูกเบา ๆ ทีละข้าง
4. แคะขี้มูกอันตรายถึงชีวิตจริงหรือ ?
ตรวจสอบกับ อ.นพ.เจษฎา กาญจนอัมพร ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริงบางส่วน แชร์ได้ อธิบายเพิ่ม
เป็นความจริงเพียงบางส่วน และมีความเสี่ยงในกรณีเฉพาะ แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ก็มีความจริงอยู่บ้างในคำเตือนนี้ การแคะจมูกอาจทำให้เกิดรอยถลอกหรือบาดแผลเล็ก ๆ ภายในโพรงจมูกที่บอบบางได้ เมื่อมีแผลเปิด เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ตามนิ้วมือและเล็บของเราก็อาจเข้าสู่กระแสเลือดได้ บริเวณจมูกและรอบปากถูกเรียกว่า “สามเหลี่ยมอันตราย” (Danger Triangle of the Face) เนื่องจากหลอดเลือดดำในบริเวณนี้เชื่อมต่อโดยตรงกับหลอดเลือดในสมอง ในทางทฤษฎี เชื้อโรคจึงอาจเดินทางไปยังสมองและก่อให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม ในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายมีกลไกภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ ทำให้โอกาสที่เชื้อจะลุกลามไปถึงสมองนั้นต่ำมาก กลุ่มเสี่ยงหลักคือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้ติดเชื้อง่ายอยู่แล้ว
5. ใช้นิ้วแคะจมูกบ่อย ๆ ทำให้จมูกบาน จริงหรือ ?
ตรวจสอบกับ นพ.กฤษฎา โกวิทวิบูล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ
ความกังวลว่าการแคะจมูกจะทำให้จมูกโตขึ้นหรือปีกจมูกบานออกนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างสิ้นเชิง โครงสร้างของจมูก ไม่ว่าจะเป็นสันจมูกหรือรูจมูก ถูกกำหนดโดยพันธุกรรมและโครงสร้างของกระดูกอ่อนเป็นหลัก การใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการแคะจมูกไม่ได้มีแรงมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างถาวรของจมูกได้ หากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้นั้น อาจจะต้องใช้แรงกดค้างไว้เป็นเวลาต่อเนื่องนาน 6-10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ดังนั้น สบายใจได้ว่าการแคะจมูกไม่ได้ทำให้จมูกของคุณเสียทรงแต่อย่างใด
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, อัครวุฒิ ตู้วชิรกุล
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส