ดัชนี S&P 500 ทรงตัว ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-อียูไม่ส่งให้ตลาดพุ่งแรง
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ดัชนีS&P 500 ปิดตลาดวันจันทร์(28 ก.ค.) ทรงตัวจากวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(อียู) ที่ประกาศออกมา และปัจจัยกระตุ้นสำคัญๆ ในตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ รวมถึงการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ก็กำลังใกล้เข้ามา
หลัง S&P 500 ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกัน 5 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.02% ปิดที่ 6,389.77 จุดในวันจันทร์หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ทำสถิติใหม่ในช่วงต้นของการเปิดตลาดซื้อขาย แต่ดัชนีกลับเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในช่วงสูงสุดของวัน เนื่องจากนักลงทุนไม่ค่อยตื่นเต้นกับข้อตกลงการค้าของสหรัฐกับสหภาพยุโรป
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 64.36 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 44,837.56 จุด ดัชนีแนสแด็กNasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.33% ปิดที่ 21,178.58 จุด ดัชนีที่เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันจันทร์
เฟดจะจัดการประชุมนโยบายเป็นเวลาสองวัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันพุธ แม้ว่าธนาคารกลางคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่สำคัญไว้ที่ระดับเป้าหมายปัจจุบันที่ 4.25- 4.5% แต่นักลงทุนจะมองหาเบาะแสว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนหรือไม่
ในวันศุกร์ นักลงทุนจะวิเคราะห์รายงานการจ้างงานที่สำคัญประจำเดือนกรกฎาคม เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ รายงานคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 102,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ลดลงจาก 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน วันศุกร์นี้ยังเป็นวันกำหนดเส้นตายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประเทศคู่ค้าจะต้องเริ่มชำระภาษีศุลกากรในอัตราสูง
นักลงทุนกำลังเตรียมพร้อมรับข้อมูลมากมาย ซึ่งรวมถึงสัปดาห์ที่คึกคักที่สุดของฤดูกาลประกาศผลประกอบการ การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และรายงานการจ้างงานในวันศุกร์ บริษัทกว่า 150 แห่งในดัชนี S&P 500 มีกำหนดประกาศผลประกอบการรายไตรมาส ซึ่งรวมถึงบริษัทเจ็ดนางฟ้า “Magnificent Seven” ได้แก่ Meta Platforms และ Microsoft ในวันพุธ ตามด้วย Amazon และ Apple ในวันพฤหัสบดี นักลงทุนจะรอฟังความคิดเห็นของบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อหาแนวทางว่าการลงทุนครั้งใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ในปีนี้มีความเหมาะสมหรือไม่
เตือนผลกระทบจากภาษีทรัมป์ยังไม่แน่นอน
“ด้วยภาวะตลาดที่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ และความผันผวนที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ความท้าทายสำคัญสองประการที่นักลงทุนต้องเผชิญคือความประมาทและความต้องการที่จะไล่ซื้อตามตลาด” แดเนียล สเคลลี กรรมการผู้จัดการของ Morgan Stanley Wealth Management กล่าว“แม้จะมีพัฒนาการเชิงบวกในด้านการค้าเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ผลกระทบทั้งหมดของภาษีศุลกากรยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม”
เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปในการลดภาษีศุลกากรลงเหลือ 15% ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเคยขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ไว้ที่ 30% เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์กล่าวว่าภาษีศุลกากรพื้นฐานทั่วโลกสำหรับประเทศที่ยังไม่ได้เจรจาใหม่กับสหรัฐฯ น่าจะอยู่ระหว่าง 15-20%
“สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่เทรดเดอร์ต่างฝันถึงและหวาดกลัว มีเรื่องราวมากมายให้เลือกสรร” เจย์ วูดส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของ Freedom Capital Markets กล่าว “อะไรจะเป็นข่าวพาดหัวที่ใหญ่สุดระหว่างผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินกับการแถลงข่าวของประธานเฟด”
ข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การสำรวจตำแหน่งงานว่างและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ในวันอังคาร รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ในวันพุธ และรายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี