ดอลลาร์ฟื้นตัว หลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับยุโรป
ดอลลาร์ฟื้นตัว หลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับยุโรป ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงครึ่งหนึ่งจากก่อนหน้านี้ที่สหรัฐขู่เรียกเก็บในอัตรา 30%
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (29/7) ที่ระดับ 32.46/48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (25/7) ที่ระดับ 32.35/37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเช้าวันนี้ Dollar Index เปิดตลาดตามเวลาไทยอยู่ที่ระดับ 98.68 ได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเจรจาการค้ากับยุโรปได้เป็นผลสำเร็จ โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15%
นอกจากนี้ ตลาดยังมีความหวังเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่าทั้งสองประเทศจะขยายเส้นตายการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรในอัตราสูงออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค. โดยตลาดจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ (30/7)
ซึ่งล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ พร้อมกันนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย. เพื่อประเมินว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะส่งผกระทบต่อเงินเฟ้อและตลาดแรงงานอย่างไร
เงินบาทปิดตลาด 32.42/43 บาท/ดอลลาร์
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สหรัฐได้ขอ “หยุด” การเจรจาภาษีชั่วคราว จากความตึงเครียดในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ยืนยันว่าปัจจุบันการเจรจาทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ กลับมาดำเนินการต่อแล้ว พร้อมเผยความคืบหน้าการเจรจาของไทยกับสหรัฐว่าอยู่ในระดับ 99.99% แล้ว
ทั้งนี้เหลือเวลาเพียง 3 วันก่อนถึงเส้นตายที่สหรัฐ กำหนดไว้ในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งนายพิชัยกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ความไม่แน่นอนยังคงเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจมีการเลื่อนเวลาเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร นายพิชัยเชื่อว่าจะเป็นไปในทางที่ดี
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.43-32.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 32.42/43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่า
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (22/7) ที่ระดับ 1.1588/90 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (25/7) ที่ระดับ 1.1736/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันแล้วในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27/7) ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัวขึ้น
โดยสหรัฐตกลงที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงครึ่งหนึ่งจากก่อนหน้านี้ที่สหรัฐขู่เรียกเก็บในอัตรา 30% โดยมาตรการภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดให้ EU ซื้อพลังงานจากสหรัฐ มูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอีกด้วย
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1599-1.1523 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1582/83 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (29/7) ที่ระดับ 148.55/56 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (25/7) ที่ระดับ 147.84/86 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอ่อนค่าตามการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพรวมนักลงทุนได้ซึมซับข่าวข้อตกลงการค้ากับสหรัฐไปแล้ว และหันมาพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่น 15%
นอกจากนี้ ค่าเงินเยนยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังคงไร้ความชัดเจน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30-31 นี้ ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 148.74-148.13 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 148.54/55 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (29/30/7), การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)1 (30-31/7), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน มิ.ย. (29/7), ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP (30/7), ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 (30/7),รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือน มิ.ย. (31/7), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (31/7), ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือน ก.ค. (1/7)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.2/-7.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -5.3/-4.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์ฟื้นตัว หลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับยุโรป
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net