‘อดีตผู้พิพากษา’ ฟันธง คำเบิกความ ‘วิษณุ’ พยานคดีชั้น14 ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงป่วยทิพย์
30 ก.ค.2568- นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 ไต่สวนนัดที่ 7 นัดสุดท้าย มีเนื้อหาดังนี้
-----
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเป็นนัดที่ 7 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเป็นการไต่สวนนัดสุดท้าย เสร็จแล้วศาลฎีกาคงนัดฟังคำสั่งในปลายเดือนสิงหาคม 2568
ตามข้อมูลที่ปรากฏในสื่อสารณะ นัดนี้จะเป็นการไต่สวนพยานบุคคลตามที่ทนายจำเลยขอ คือ ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีหลายสมัย และน่าจะยาวนานที่สุดในประเทศไทย
ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้ เดินทางจากต่างประเทศกลับมาประเทศไทย (เพื่อมอบตัวต่อศาลตามหมายจับ) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายวิษณุเป็นรองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ข้อมูลเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566
สื่อกระแสหลักรายงานข่าวเมื่อเช้าวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ว่า นายทักษิณมีตารางชีวิตหลังจากศาลฎีกาออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด (หมายแดง) มอบให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายทักษิณจะเข้าสู่ระบบคัดกรองผู้ต้องขังตามระเบียบราชทัณฑ์ เริ่มจากตรวจสอบประวัติ และทำทะเบียนประวัติ ทักษิณถือเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ 74 ปี หากมีโรคประจำตัว ต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง ราชทัณฑ์จะมีแพทย์ประจำเรือนจำ และมีคณะกรรมการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังต่อไป ในช่วง 10 วันแรก ผู้ต้องขังใหม่จะถูกนำตัวไปยังห้องกักโรคของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อน
ในบ่ายวันเดียวกัน มีรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่า นายวิษณุได้เดินทางเข้าไปภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจเยี่ยมดูแลความเรียบร้อย หลังจากนายทักษิณได้เข้าสู่ขั้นตอนเบื้องต้นของกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้เป็นไปตามแผนรองรับที่ทางกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ได้เตรียมไว้ โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมตรวจเยี่ยมด้วย นายวิษณุได้เข้าพบกับนายทักษิณในเรือนจำ และได้พูดคุยกันช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นได้กำชับให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ดูเรื่องความปลอดภัยของนายทักษิณ แล้วเดินทางออกจากเรือนจำไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายวิษณุว่า ได้พบกับนายทักษิณหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ได้พบ
ผู้เขียนมีข้อสังเกตดังนี้
1)นายวิษณุเป็นพยานบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ช่วงต้นทาง ศาลคงต้องไต่สวนให้ได้ความว่า ขณะที่นายวิษณุเข้าไปตรวจเยี่ยมเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครนั้น นายวิษณุได้พบนายทักษิณซึ่งในขณะนั้นมีสถานะเป็นนักโทษเด็ดขาดหรือไม่ หากได้พบจริง พบกันที่ห้องไหน นายทักษิณแต่งตัวอย่างไร มีการทำทะเบียนประวัติผู้ต้องขังแล้วหรือไม่ ฯลฯ
2) พยานปากนี้ทนายจำเลยเป็นผู้ขออนุญาตจากศาลให้เรียกมาไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริง ดังนั้น เรื่องที่ศาลจะสอบถามจากพยานก็คือข้อเท็จจริงและเป็นข้อเท็จจริงในขณะที่พยานเข้าไปตรวจเยี่ยมเรือนจำ ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นนักกฎหมายชั้นบรมครูและประสบการณ์เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายอันยาวนานของพยาน
3) ผู้เขียนเชื่อว่าคำเบิกความของพยานไม่น่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดขึ้นกับนายทักษิณในวันที่พยานเข้าไปตรวจเยี่ยมเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นายทักษิณจะต้องการดำเนินการตามขั้นตอนของการเป็นผู้ต้องขังรายใหม่ และการเจ็บป่วยของนายทักษิณจนถึงขนาดต้องออกจากเรือนจำในยามวิกาลก่อนเที่ยงคืน 1 นาที ไปนอนอยู่ในห้องวีวีไอพีที่ชั้น 14 ของอาคารภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ในบริเวณโรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลา 179 วัน แล้วได้รับการพักโทษส่วนที่เหลือ 6 เดือน ออกจากโรงพยาบาลไป
4) อีกไม่นานแล้วหนาศาลฎีกาคงมีคำวินิจฉัยให้สิ้นสงสัย