มาเลย์แจกเงินสด คนละ 760 บาท! หวังบรรเทาค่าครองชีพจากภาษีทรัมป์
เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า “รัฐบาลมาเลเซีย” ได้ประกาศมาตรการเยียวยาหลายรายการ รวมถึงการให้ “เงินช่วยเหลือ” เป็นเงินสดมูลค่า 2,000 ล้านริงกิต หรือราว 16,000 ล้านบาทสำหรับผู้ใหญ่ทุกคน และยังปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย เพื่อลดความกังวลเรื่องค่าครองชีพ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย กล่าวระหว่างการแถลงผ่านโทรทัศน์ว่า ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ยังคงเป็น “ปัญหาเร่งด่วน” แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศ จะชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“ค่าครองชีพ ยังคงเป็นความท้าทายเร่งด่วน แม้อัตราเงินเฟ้อโดยรวมในเดือนมิถุนายน 2025 จะอยู่ที่ 1.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 52 เดือน แต่ราคาสินค้าอาหารยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเงินเฟ้อ” อันวาร์อธิบาย พร้อมระบุว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงมั่นคง แม้จะเริ่มเผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ
ตามประกาศดังกล่าว พลเมืองมาเลเซียทุกคนที่มี “อายุ 18 ปีขึ้นไป” จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบครั้งเดียว จำนวน 100 ริงกิต (ประมาณ 760 บาท) เพื่อใช้จ่ายในสินค้าจำเป็น โดยจะโอนเงินตรงสู่ระบบบัตรประจำตัวประชาชนแห่งชาติ หรือที่เรียกว่า MyKAD และสามารถนำไปใช้ได้ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 31 ธันวาคม
สำหรับมาตรการเยียวยาของอันวาร์นี้ มีขึ้นเพื่อรับมือผลกระทบจากมาตรการภาษีของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมาเลเซียอาจเผชิญกับการเก็บภาษีตอบโต้สูงสุดถึง 25% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป
ขณะที่ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็นประเทศล่าสุดที่สามารถตกลงดีลกับสหรัฐ เพื่อลดอัตราภาษีลงเหลือ 15%, 19% และ 20% ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านเตรียมจัดการชุมนุมประท้วงอันวาร์ในวันเสาร์นี้ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นและการขยายฐานภาษี โดยผู้จัดงานคาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 300,000 คน ขณะที่ตำรวจประเมินว่า จะมีผู้ชุมนุมประมาณ 10,000-15,000 คนที่จัตุรัสเมอร์เดกา (จัตุรัสอิสรภาพ) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
นอกจากนี้ อันวาร์ ยังได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมัน RON95 ซึ่งเป็นน้ำมันที่ใช้ในประเทศ โดยจะลดลง 6 เซ็นต์ เหลือ 1.99 ริงกิตต่อลิตร จากราคาที่ได้รับการอุดหนุนเดิมที่ 2.05 ริงกิตต่อลิตร
“แนวทางแบบเจาะจงนี้ สอดคล้องกับความพยายามในการใช้ทรัพยากรของชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความสูญเปล่า แม้ในปีนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่ราคาน้ำมัน RON95 ที่ไม่ได้รับการอุดหนุน ยังอยู่ที่ 2.50 ริงกิตต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าราคาที่ได้รับการอุดหนุนอย่างมาก” อันวาร์กล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น นายกรัฐมนตรีมาเลย์ยังประกาศ “ระงับการปรับขึ้นค่าผ่านทาง” บนทางด่วน 10 สาย ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายกว่า 500 ล้านริงกิต หรือราว 3,800 ล้านบาท รวมถึงปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่มีผลตั้งแต่เดือนนี้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนถึง 85% จ่ายค่าไฟน้อยลงสูงสุดถึง 14% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก
ในสุนทรพจน์ของเขา อันวาร์กล่าวว่า มาเลเซียมีมูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สูงที่สุดที่เคยมีมาในปี 2024 ที่ระดับ 384,000 ล้านริงกิต หรือราว 2.9 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า พร้อมกับการแข็งค่าของริงกิต แต่เขากล่าวเสริมว่า “สิ่งเหล่านี้ก็ยังไร้ความหมาย หากประชาชนยังคงต้องเผชิญกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น”
อ้างอิง: nikkei