สธ.จับมือ มช. เชื่อมข้อมูลสุขภาพ "ดิจิทัลเฮลท์แพลตฟอร์ม"
5 สิงหาคม 2568 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัญฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข และข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล (Data Sharing Agreement : DSA)" ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุขกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
นพ.โอภาส กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขในเขตสุขภาพที่ 1 กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นนำแห่งแรกของภาคเหนือที่เชื่อมโยงข้อมูลและบริการกับภาครัฐบน MOPH Digital Health Platform และร่วมแบ่งปันข้อมูลเพื่อยกระดับบริการสุขภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ภายใต้ความตระหนักและความรับผิดชอบร่วมกันในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนอย่างปลอดภัย
ตามหลักธรรมาภิบาลข้อมูลและกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งจะส่งผลให้การเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนเป็นไปอย่างครบถ้วน มีความต่อเนื่อง นำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ว่าจะเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใดก็ตาม
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล และมีการใช้ข้อมูลบริการด้านสาธารณสุขบน Digital Health Platform อย่างเหมาะสม ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นทางดิจิทัลแก่ประชาชน
ขณะที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะสนับสนุนการประสานงานด้านสาธารณสุข การแพทย์ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดให้มีการประมวลผลข้อมูลบริการด้านสาธารณสุขเท่าที่จำเป็น (Data Minimization) ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน โดยคำนึงถึงการรักษาข้อมูลให้มีความปลอดภัยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการบริหารจัดการข้อมูล การสำรองข้อมูล และการให้บริการที่เหมาะสม
ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครั้งนี้ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพครั้งแรกของโซนภาคเหนือ โดยก่อนหน้านี้ได้ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นโซนภาคใต้ และมีกำหนดที่จะดำเนินการครั้งต่อไปในโซนภาคอีสานกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในปัจจุบันที่ต้องการบริการสุขภาพที่สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ" นพ.โอภาสกล่าว