สื่อนานาชาติรายงานเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ที่มาภาพ:https://www.aljazeera.com/news/liveblog/2025/7/24/live-at-least-2-killed-as-thai-cambodian-troops-clash-at-disputed-border
การกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. ของวันนี้( 24 กรกฎาคม 2568)
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้
1. พื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 10 ราย
2. พื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย (1 รายเป็นเด็กชายอายุ 8 ปี) และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ส่งต่อ รพ.กาบเชิง
3. พื้นที่บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
4. พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
5. พื้นที่หมู่ 16 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย
6. พื้นที่บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย
7. พื้นที่บ้านนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย
เพจกองทัพบก Royal Thai Army ได้ประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
เหตุการณ์ดังกล่าว สื่อจากทุกภูมิภาคเกาะติดรายงานไปทั่วโลก ทั้งจากฝั่งตะวันตก เช่น BBC , CNN, Al Jazeera, Reuters ไปจนถึงสื่อดังในเอเชีย จากญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เช่น Global Times ของจีน CNA, The Strait Times ในสิงคโปร์ Australian Broadcasting Corporation และสื่ออื่นอีกจำนวนมาก
สำนักข่าว CNN รายงานบนเว็บไซต์ใน Live Update “Thailand launches airstrikes on Cambodian military targets as deadly border dispute escalates” โดยเริ่มต้นจากข่าว Thailand launches fighter jets as clashes erupt with Cambodia over disputed border
ด้าน BBC ก็รายงานข่าวพิเศษ Live Reporting บนเว็บไซต์เช่นกันด้วยพาดหัว Thailand seals border with Cambodia after military clashes kill at least 12 people
ด้านสำนักข่าว Al Jazeera ก็รายงานในรูปแบบ Live updates เช่นกัน ภายใต้ข่าว Thailand-Cambodia live news: Over 10 killed in clashes at disputed border
The Guardian ของอังกฤษ ก็เปิดการรายงานสด Live ด้วยพาดหัว Thailand-Cambodia border dispute live: Thailand closes border with Cambodia as death toll from fighting rises
ขณะที่สำนักข่าว Reuters มีการรายงานแต่ละสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
CNN:นายกฯกัมพูชาเรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประชุมด่วนเพื่อ “หยุดยั้งการรุกรานของไทย”
การรายงานข่าวของสำนักข่าวใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต่างกันนัก โดยรายงานข่าวของ CNN ชิ้นแรกเรื่อง ไทยส่งเครื่องบินรบขึ้นบิน ขณะเกิดการปะทะกับกัมพูชาเรื่องพรมแดนที่เป็นข้อพิพาท มีรายละเอียดว่า ไทยได้ส่งเครื่องบินขับไล่โจมตีเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท ส่งผลให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอาจลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากทหารไทยสูญเสียขาจากการระเบิดของกับระเบิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พังทลายลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี
Live update ชิ้นที่สอง Before jets were launched, armed clashes between Thai and Cambodian forces broke out ของ CNN รายงานว่า ก่อนส่งเครื่องบินรบออก ได้เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชาขึ้น
เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ไทยจะส่งเครื่องบินรบ F-16 เข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา ได้เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชาขึ้นตามแนวชายแดนในวันพฤหัสบดี ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ทหาร
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้าตรู่ โดยกองทัพไทยระบุว่า กองกำลังกัมพูชาได้ยิงใส่ฐานทัพของไทยในพื้นที่ใกล้กับปราสาทโบราณตาเมือนธม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่พิพาททางตอนใต้ของจังหวัดสุรินทร์ และทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา โดยระบุว่า กัมพูชาได้ส่งโดรนไร้คนขับไปประจำการที่หน้าปราสาทก่อนที่จะส่งทหารพร้อมอาวุธเข้าไป
รายงาน CNN ระบุว่า กองทัพไทยยังกล่าวหาว่ากองทัพกัมพูชายิงอาวุธหนักเข้าไปในพื้นที่พลเรือนในอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ที่อยู่ใกล้เคียง
“การโจมตีครั้งนี้ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ 3 คน ทางการไทยได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันทีเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน” กองทัพกล่าวในแถลงการณ์
โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวว่า กองกำลังของกัมพูชาได้ดำเนินการเพื่อป้องกันตนเองหลังจากถูกทหารไทยรุกรานโดยที่ไม่มีการยั่วยุ
“กองกำลังกัมพูชาดำเนินการอย่างเคร่งครัดภายในขอบเขตของการป้องกันตนเอง เพื่อตอบโต้การรุกรานโดยที่ไม่มีการยั่วยุทหารไทย ซึ่งเป็นการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา” พลโทมาลี โสเจียตา กล่าว
พลโทมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่มาภาพ:https://www.khmertimeskh.com/501723980/ministry-of-defense-spokesperson-thai-troops-did-not-intend-to-attack-only-cambodian-military-positions-but-also-launched-attacks-on-innocent-cambodian-people/
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ไทยโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพ ณ ปราสาทสองแห่งในจังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดพระวิหาร และจังหวัดอุบลราชธานีของไทย
“กัมพูชายึดมั่นในแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสันติมาโดยตลอด แต่ในกรณีนี้ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบโต้การรุกรานด้วยอาวุธด้วยกำลังทหาร” นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต กล่าวและเรียกร้องให้ประชาชนชาวกัมพูชาอยู่ในความสงบ
อีกหนึ่งรายงาน Live update ของ CNN คือ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประชุมด่วนเพื่อ “หยุดยั้งการรุกรานของไทย” Cambodia’s prime minister urges UN Security Council to convene urgently to “stop Thailand’s aggression”
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวว่า กองทัพไทยได้ “โจมตีที่มั่นของกัมพูชาตามแนวชายแดนโดยปราศจากการยั่วยุ ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และจงใจ” โดยกล่าวหาว่ากองทัพไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ในจดหมายที่ส่งถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด ประธานคณะมนตรีความมั่นคง
“เมื่อเผชิญกับการรุกรานที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ กองทัพกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา” ฮุน มาเนต ระบุไว้
“เป็นเรื่องน่าตำหนิอย่างยิ่งที่การรุกรานเช่นนี้เกิดขึ้นในขณะที่กัมพูชากำลังดำเนินการอย่างสันติและเป็นกลางทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลายกับไทยผ่านกลไกทวิภาคีและระหว่างประเทศ”
CNN รายงานด้วยว่า ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาปะทุขึ้น สหรัฐฯ และจีนได้แนะนำให้พลเมืองของตนระมัดระวังบริเวณใกล้ชายแดน
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้เตือนชาวอเมริกันที่อยู่ในหรือใกล้พื้นที่ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการไทยที่เริ่มอพยพออกจากพื้นที่ขัดแย้งตั้งแต่วันพฤหัสบดี
สถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกล่าวว่าประชาชนควรออกจากกัมพูชา “โดยเร็วที่สุด” เว้นแต่จะมีเหตุผลเร่งด่วนที่จะต้องอยู่ในกัมพูชา
และสถานทูตจีนได้เตือนให้พลเมืองในกัมพูชาหลีกเลี่ยงพื้นที่ใกล้ชายแดนและเฝ้าระวัง
ชาวบ้านอพยพในศูนย์พักพิงที่จังหวัดสุรินทร์ ที่มาภาพ:https://www.aljazeera.com/news/liveblog/2025/7/24/live-at-least-2-killed-as-thai-cambodian-troops-clash-at-disputed-border
BBC: ความรุนแรงครั้งนี้ยกระดับความขัดแย้งครั้งล่าสุดที่มีมานานกว่าศตวรรษ
ด้าน BBC รายงานว่า กองทัพไทยระบุว่า ทหารได้ยิงปืนหลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารกัมพูชาติดอาวุธหนักบริเวณชายแดนที่เป็นข้อพิพาท ส่วนฝ่ายกัมพูชาระบุว่าเป็นฝ่ายไทยที่ยิงก่อน ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ฝั่งไทยได้รับคำสั่งให้อพยพ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากไทยตัดสินใจขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชาและเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับจากพนมเปญ
รายงานของ ฺBBC ระบุว่า กองทัพกล่าวว่าได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 6 ลำไปโจมตีเป้าหมายทางทหาร หลังจากจรวดของกัมพูชา 2 ลูกถูกยิงตกใส่ชาวไทยใกล้ชายแดน และโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “F-16 ได้เปิดฉากยิงแล้ว!” ระบุว่าหน่วยบัญชาการทหารภาคพิเศษ (Cambodia’s Special Military Region Commands )ที่ 8 และ 9 ของกัมพูชา “ถูกทำลายแล้ว”
ในรายงานของ BBC ยังนำเสนอแผนที่เพื่อชี้ให้ถึงพื้นที่ชายแดนพิพาทที่เกิดการปะทะกัน พร้อมระบุว่า มีพลเรือนอย่างน้อย 9 รายได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตในไทยอันเป็นผลมาจากการปะทะ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 14 ราย รวมถึงเด็กอายุ 5 ขวบ กัมพูชายังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ
รายงานของ BBC ระบุว่า ความรุนแรงครั้งนี้นับเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งล่าสุดที่ดำเนินมานานกว่าศตวรรษ เมื่อสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กำหนดเขตแดนของตนเองหลังจากการยึดครองกัมพูชาของฝรั่งเศสสิ้นสุดลง แม้ว่าจะมีการปะทะกันเป็นระยะๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ความตึงเครียดล่าสุดได้ทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนพฤษภาคมหลังจากทหารกัมพูชาเสียชีวิตในการปะทะ
ในเช้าวันพฤหัสบดีทั้งสองฝ่ายกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นผู้ยิงปืนนัดแรกในเช้าวันพฤหัสบดี โดยกัมพูชาถูกกล่าวหาว่ายิงจรวดใส่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศไทยและโจมตีโรงพยาบาล ขณะที่ไทยได้โจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา
ไทยได้ปิดพรมแดนกับกัมพูชาหลังจากสั่งให้พลเมืองไทยทุกคนออกจากประเทศกัมพูชา
ด้านกระทรวงศึกษาธิการของไทยสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นมาตรการที่คำนึงถึงความปลอดภัยของครูและนักเรียน
ด้านกระทรวงศึกษาธิการของไทยสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นมาตรการที่คำนึงถึงความปลอดภัยของครูและนักเรียน
BBC รายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์กล่าวหาไทยว่าใช้กำลังทหารเกินควร ใช้อาวุธหนัก และโจมตีทางอากาศเพื่อพยายามยึดครองดินแดนกัมพูชา
กระทรวงกลาโหมระบุว่าการกระทำของไทยเป็น “การรุกรานทางทหารที่โหดร้ายและผิดกฎหมาย” และ “เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ บรรทัดฐานอาเซียน และหลักการสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์Khmer Times
กระทรวงกลาโหมยังอ้างว่าเครื่องบินขับไล่ของไทยทิ้งระเบิดสองลูกในดินแดนที่กัมพูชาควบคุม
“การกระทำที่ผิดกฎหมายและขาดความรับผิดชอบเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายรากฐานของระเบียบระหว่างประเทศอีกด้วย” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
กระทรวงฯ ยังเตือนอีกว่ากองทัพเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องอธิปไตยของกัมพูชา “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
BBC ยังรายงานด้วยว่ามีผู้บาดเจ็บหลังกัมพูชาโจมตีโรงพยาบาลพนมดงรัก โดยอ้างอิงจากการเผยแพร่ของกองทัพไทย และต่อมา ประเทศไทยปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดกับกัมพูชา
ทหารกัมพูชาบรรจุกระสุนปืนกล BM-21 ซ้ำอีกครั้งที่จังหวัดพระวิหาร ที่มาภาพ: https://www.aljazeera.com/news/liveblog/2025/7/24/live-at-least-2-killed-as-thai-cambodian-troops-clash-at-disputed-border
Al Jazeera: เทียบกองกำลังทหารของไทยและคลังอาวุธของกัมพูชา
ด้านสำนักข่าว Al Jazeera ก็รายงานในรูปแบบ Live updates เช่นกัน โดยรายงานไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมการตอบโต้ของทั้งสองฝ่าย และยังนำเสนอภาพชาวบ้านในจังหวัดสุรินทร์ที่อพยพมายังศูนย์พักพิง รวมทั้งบรรยากาศในพื้นที่อีกด้วย
Al Jazeera ยังให้ภาพกองกำลังทหารของไทยและคลังอาวุธของกัมพูชา โดยอ้างอิงข้อมูลจาก the International Institute for Strategic Studies
ในด้านงบประมาณและบุคลากรภาคพื้นดิน
ไทย
- ประเทศไทยมีกองทัพขนาดใหญ่ มีกำลังพลประจำการมากกว่า 360,000 นาย
- กองทัพยังมีงบประมาณด้านกลาโหมที่เพียงพอ โดยมีงบประมาณด้านกลาโหม 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว
- ประเทศไทยมีรถถังหลัก(battle tank)ประมาณ 400 คัน รถลำเลียงพลหุ้มเกราะมากกว่า 1,200 คัน และปืนใหญ่ประมาณ 2,600 กระบอก
- ประเทศไทยยังมีฝูงบินของตนเอง ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินโดยสาร เฮลิคอปเตอร์ และอากาศยานไร้คนขับ
กัมพูชา
- กัมพูชามีงบประมาณด้านกลาโหม 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567
- มีกำลังทหารประจำการอย่างน้อย 124,300 นาย
- กองกำลังทหารเหล่านี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 จากการควบรวมกองทัพคอมมิวนิสต์เดิมของประเทศและกองทัพต่อต้านอีกสองกองทัพ
- ในจำนวนนี้ กองทัพกัมพูชาเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุด มีกำลังพลประมาณ 75,000 นาย
- นอกจากนี้ยังมีรถถังหลักมากกว่า 200 คัน และปืนใหญ่ประมาณ 480 กระบอก
กองทัพอากาศ
ไทย
- ประเทศไทยได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่มีอุปกรณ์และได้รับการฝึกฝนที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำลังพลประมาณ 46,000 นาย
- ประเทศไทยมีเครื่องบินรบที่สามารถรบได้ 112 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 28 ลำ เครื่องบินขับไล่ Gripen ของสวีเดน 11 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีกหลายสิบลำ
กัมพูชา
- กองทัพอากาศกัมพูชามีกำลังพลประมาณ 1,500 นาย และมีฝูงบินเครื่องบินค่อนข้างน้อย ประกอบด้วยเครื่องบินลำเลียง 10 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง 10 ลำ
- กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ แต่มีเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ 16 ลำ รวมถึงเครื่องบิน Mi-17 สมัยโซเวียต 6 ลำ และเครื่องบิน Z-9 ของจีน 10 ลำ
กองทัพเรือ
- ประเทศไทยมีกองทัพเรือที่มีกำลังพลเกือบ 70,000 นาย ประกอบด้วยกองทัพเรือ นาวิกโยธิน กองทัพเรือป้องกันชายฝั่ง และทหารเกณฑ์
- กองเรือประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือฟริเกต 7 ลำ และเรือลาดตระเวนและเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 68 ลำ นอกจากนี้ยังมีเรือสะเทินน้ำสะเทินบกและเรือยกพลขึ้นบกอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่ละลำสามารถรองรับกำลังพลได้หลายร้อยนาย และเรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็กอีก 14 ลำ
- กองบินทหารเรือของไทยมีฝูงบินอากาศยานของตนเอง รวมถึงเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานไร้คนขับ (UAV) นอกจากนี้ยังมีหน่วยนาวิกโยธินที่มีกำลังพล 23,000 นาย พร้อมด้วยยานรบติดอาวุธหลายสิบลำ
กัมพูชา
- กองทัพเรือกัมพูชามีกำลังพลประมาณ 2,800 นาย
- ประกอบด้วยทหารราบ 1,500 นาย เรือลาดตระเวนและเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 13 ลำ และเรือยกพลขึ้นบก 1 ลำ
ฮุน เซน ที่มาภาพ:https://www.khmertimeskh.com/501723853/hun-sen-commands-army-alongside-pm-hun-manet-not-fleeing-says-spokesperson/
สื่อกัมพูชา:ฮุน เซนบัญชาการร่วมกับนายกฯไม่ได้หนี
สำหรับสื่อกัมพูชา อย่าง Khmer Times รายงานการแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้ของโฆษกกระทรวงกลาโหมว่า กองทัพไทยไม่ได้มุ่งโจมตีแค่ฐานทัพกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังโจมตีประชาชนกัมพูชาผู้บริสุทธิ์อีกด้วย โดยเห็นได้ว่าในบางพื้นที่ ผู้คนกำลังอพยพ และเผชิญกับความหวาดกลัวและความตกตะลึงจากการโจมตีผู้บริสุทธิ์ของฝ่ายไทย
โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่ากระทรวงกลาโหมได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับประณามการรุกรานอันโหดร้ายของฝ่ายไทย และได้ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมประณามอย่างเต็มที่
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาจะยังคงทำงานร่วมกับภาคีระหว่างประเทศทุกฝ่ายเพื่อให้ประเทศไทยรับผิดชอบต่อการรุกรานอันโหดร้าย โดยเฉพาะการยุติการรุกรานโดยทันที ถอนกำลังทหารออกจากดินแดนกัมพูชา และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจยกระดับความตึงเครียดให้รุนแรงยิ่งขึ้น
Khmer Times รายงานด้วยว่า รัฐสภากัมพูชาประณามการรุกรานทางทหารอย่างโจ่งแจ้งของไทยต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
รัฐสภากัมพูชาประกาศสนับสนุนจดหมายของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่ส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงโดยเร่งด่วน เพื่อขอให้มีการแทรกแซงเพื่อยุติการรุกรานดินแดนอธิปไตยของกัมพูชาโดยกองกำลังทหารไทย
สมัชชาแห่งชาติกัมพูชาเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนรักษาความสามัคคีเป็นหนึ่ง ดำเนินกิจกรรมประจำวันตามปกติ และไว้วางใจในรัฐบาลกัมพูชาและความกล้าหาญของกองทัพกัมพูชาที่ยืนเฝ้าปกป้องความสมบูรณ์ของดินแดนแนวหน้า
นอกจากนี้ยังรายงานว่า ฮุน เซนสั่งการกองทัพร่วมกับนายกฯ ฮุน มาเนต และไม่ได้หนี
อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานคณะองคมนตรีสูงสุด มีรายงานว่าได้มีบทบาทอย่างแข็งขันในการสั่งการการปฏิบัติการทางทหารผ่านการสื่อสารทางวิดีโอ ควบคู่ไปกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ท่ามกลางการสู้รบบริเวณชายแดน
“ขณะนี้สมเด็จเดโชกำลังบัญชาการกองทัพผ่านระบบวิดีโอในกัมพูชา ร่วมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และกองกำลังติดอาวุธทุกระดับ เพื่อตอบโต้กองทัพสยามที่กำลังรุกราน “ท่านไม่ได้หนีไปไหน” เจีย ธีริธ โฆษกของฮุนเซนกล่าว
แถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาของสื่อมวลชนไทยที่ว่าฮุนเซนเดินทางออกจากกรุงพนมเปญและกำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศจีน
ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายวันพฤหัสบดี คนไทยที่ทำงานในเมืองปอยเปตได้เดินทางกลับประเทศบ้านเกิดผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปต
นายอุม เรียแตร็ย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ยืนยันว่าผู้ที่เดินทางกลับส่วนใหญ่เป็นแรงงานไทยที่ประจำการอยู่ที่ปอยเปต ทางการกัมพูชาได้อำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย แต่ไม่อนุญาตให้กลับเข้าประเทศกัมพูชา
สื่อประเทศสมาชิกอาเซียน และในเอเชียก็รายงานเหตุการณ์การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาเช่นกัน
ที่มาภาพ:https://www.khmertimeskh.com/501723915/thai-workers-flee-poipet-amid-escalating-cambodia-thailand-border-clashes/
Bernama สื่อมาเลเซีย: ประธานอาเซียนหวังว่าทั้งไทยและกัมพูชาเจรจาสันติภาพโดยเร็ว
ในมาเลเซีย สื่อของรัฐ Bernama รายงานว่า นายกรัฐมนตรีดาโต๊ะ สรี อันวาร์ อิบราฮิม หวังว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะยุติการสู้รบตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท และจะเข้าสู่การเจรจาสันติภาพในเร็วๆ นี้
นายอันวาร์กล่าวถึงการปะทะกันครั้งใหม่ระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในช่วงเช้าวันนี้ว่าน่ากังวล และเขาหวังว่าจะได้พูดคุยกับผู้นำของทั้งสองประเทศในช่วงบ่ายของวันเพื่อแสดงความคิดเห็น
“พวกเขาเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน ทั้งสองใกล้ชิดกับมาเลเซียมาก และผมได้ส่งข้อความถึงนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านแล้ว”
“อย่างน้อยที่สุดที่เราคาดหวังได้คือพวกเขายุติการปะทะ และหวังว่าจะพยายามเข้าสู่การเจรจา”
“ทั้งสองฝ่ายพยายามแล้ว แต่ผมยังคงคิดว่าสันติภาพเป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่”นายอันวาร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดอาเซียนเซมิคอนดักเตอร์ 2025 (ASEMIS) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในวันนี้
นายอันวาร์กล่าวว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้หารือเบื้องต้นกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งปัจจุบันถูกศาลสั่งหยุดปฏิบบัติหน้าที่เป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ก็ยังคงต้องการที่จะเจรจากับทั้งสองคนอีกครั้ง
เมื่อถามว่าความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าหรือไม่ นายอันวาร์กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงประเด็นนี้
“ผมคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ทั้งสองฝ่ายต่างคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ทั้งสองฝ่ายต้องการการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ และทั้งสองฝ่ายต้องการให้อาเซียนมีส่วนร่วม และเราจะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน” นายอันวาร์กล่าว โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปี 2568
รายงานของ Bernama ระบุว่า กัมพูชาและไทยมีข้อพิพาททางการทูตที่ย่ำแย่มาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม หลังจากการปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างทหารของทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนปราสาทพระวิหาร ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากการยิงต่อสู้
เมื่อวันพุธ รัฐบาลไทยได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา เพื่อเป็นการตอบโต้ทันทีหลังจากทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากสิ่งที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นกับระเบิดที่เพิ่งวางใหม่
รัฐบาลกัมพูชาตอบโต้ด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงต่ำสุดเมื่อวันพฤหัสบดี
รายงานวันนี้ระบุว่า มีพลเรือนไทยเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 3 ราย รวมถึงเด็กอายุ 5 ขวบ จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่พิพาทชายแดนเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี
สองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่ไม่มีการกำหนดเขตแดนยาว 817 กิโลเมตรมานานหลายทศวรรษ ซึ่งยังคงสร้างความขัดแย้งทางการทูตอย่างต่อเนื่อง
ที่มาภาพ:บัญชีเฟสบุ๊ค Anwar Ibrahim
อันวาร์:สัญญาณเชิงบวกจากไทยและกัมพูชา
ด้านนายอันวาร์ อิบราฮิมได้พูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และรักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ภูมิธรรม เวชยชัย ในเย็นวันนี้
นายอันวาร์ได้โพสต์บนบัญชีเฟสบุ๊ค Anwar Ibrahim ว่า เมื่อเย็นวันนี้ ผมได้พูดคุยกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และรักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ภูมิธรรม เวชยชัย โดยแสดงความกังวลอย่างมากของมาเลเซียต่อความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดน
ในการหารือของเรา ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 ของมาเลเซีย ผมได้ร้องขอโดยตรงต่อผู้นำทั้งสองให้หยุดยิงโดยทันทีเพื่อไม่ให้มีการสู้รบเพิ่มอีก และเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับการเจรจาอย่างสันติและการแก้ไขปัญหาทางการทูต
ผมยินดีกับสัญญาณเชิงบวกและความเต็มใจของทั้งกรุงเทพฯ และพนมเปญในการพิจารณาแนวทางนี้ต่อไป มาเลเซียพร้อมที่จะช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในกระบวนการนี้ด้วยจิตวิญญาณแห่งความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกันของอาเซียน
ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความแข็งแกร่งของอาเซียนอยู่ที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และสันติภาพต้องเป็นทางเลือกร่วมกันของเราอย่างแน่วแน่และมั่นคงเสมอ
กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ดำเนินการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประชาชนที่เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตรายใน ชายแดนไทย – กัมพูชา ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ ที่มาภาพ:เพจ กองทัพภาคที่ 2
สื่อสิงคโปร์:หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในกับบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขข้อพิพาท
The Strait Times สื่อจากสิงคโปร์เปิดรายงานLive สถานการณ์ไทยกับกัมพูชา People evacuated from border regions amid deadly Thailand-Cambodia clash ว่า ประชาชนจากจังหวัดชายแดนกัมพูชาต้องอพยพ โดยชาวกัมพูชาประมาณ 5,000 คนจากจังหวัดอุดรมีชัยถูกอพยพออกนอกพื้นที่ และขณะนี้ได้รับการดูแลช่วยเหลือจากฝ่ายบริหารจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
The Strait Times อ้างรายงาน หนังสือพิมพ์The Phnom Penh Post ที่ระบุโฆษกฝ่ายบริหารจังหวัดว่า ประชาชนเหล่านี้มาจากประมาณ 1,500 ครอบครัวใน 12 หมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงตามแนวชายแดน
ประชาชนบางส่วนได้อพยพไปหลบภัยกับญาติพี่น้องในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่บางส่วนถูกโยกย้ายไปยังเขตปลอดภัยที่หน่วยงานกำหนด เช่น พื้นที่ภายในอำเภอที่อยู่ห่างไกลจากแนวหน้า โฆษกกล่าว
ส่วนสถานการณ์ในฝั่งไทย นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองที่พักในจังหวัดใกล้เคียงพื้นที่ขัดแย้ง จากการเปิดเผยของนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ให้บริการที่พักในอำเภออรัญประเทศ ตาพระยา และคลองหาด ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการจองเป็นจำนวนมาก
จำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่เหล่านี้ลดลงเช่นกัน โดยจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดการสู้รบอย่างดุเดือด ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัยเหล่านี้
รายงาน The Strait Times ระบุถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ รวมทั้งกองทัพอากาศปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อกัมพูชาที่อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ถูกยิงตก
กองทัพอากาศยืนยันว่าเครื่องบินลำดังกล่าวกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดใส่กองพลน้อยของกัมพูชา
Hariz Baharudin ผู้ส่อข่าว The Strait Times รายงานว่า ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาทำให้ฉุกคิดเกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนอีกครั้ง
โดยชี้ว่าหลักการไม่แทรกแซงที่มีมายาวนานของอาเซียนกำลังตกอยู่ในภาวะตึงเครียดอีกครั้ง ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้นเป็นความขัดแย้งที่ร้ายแรง
กลุ่มประเทศภูมิภาคนี้ยังไม่ได้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์นี้ แม้ว่าจะคุกรุ่นมาเป็นเวลาสองเดือนแล้วก็ตาม เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม สถานการณ์ได้ถึงจุดวิกฤตเมื่อกองทัพของทั้งสองประเทศเปิดฉากยิงต่อสู้กัน ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย ก่อนหน้านี้ ไทยได้ขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชาและเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศ ซึ่งตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ทางการทูตกำลังตกต่ำ
วิกฤตการณ์นี้ตอกย้ำข้อจำกัดของอาเซียนในการจัดการข้อพิพาทภายในภูมิภาค การขาดความไว้วางใจระหว่างสองประเทศยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ เกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียน เป็นชาวกัมพูชา และตั้งข้อสังเกตว่าไทยไม่น่าจะมองว่าเขาเป็นคนกลางที่เป็นกลาง
สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2551 เมื่อกัมพูชาปฏิเสธการไกล่เกลี่ยของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนในขณะนั้น ระหว่างการปะทะใกล้ปราสาทพระวิหาร เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้อาเซียนต้องยุติข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมานาน และยังคงเป็นบรรทัดฐานที่ยังคงสะท้อนมาจนถึงทุกวันนี้
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ได้รับการกล่าวถึงในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซียเป็นประธานอาเซียนคนปัจจุบัน เมื่อถูกถามถึงความขัดแย้งดังกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายโมฮัมหมัด ฮะซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย เรียกเรื่องนี้ว่าเป็นประเด็นทวิภาคี และยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มในการไม่แทรกแซง
ชาวกัมพูชาประมาณ 5,000 คนจากจังหวัดอุดรมีชัยถูกอพยพ ที่มาภาพ:https://cambodianess.com/article/residents-in-preah-vihear-and-oddar-meanchey-evacuated
สื่อจีน: จีนหวังไทย-กัมพูชาแก้ไขข้อพิพาทได้อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจา
สำนักข่าวXinhua สื่อทางการจีนรายงานว่า จีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาที่กำลังดำเนินอยู่ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะแก้ไขข้อพิพาทได้อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและหารือ กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
กัวกล่าวว่า ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีนและเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองฝ่าย
จีนยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นธรรมและเป็นกลาง ส่งเสริมการเจรจาสันติภาพอย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความกังวลร่วมกันของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค กัวกล่าว
สื่อฟิลิปปินส์: ฟิลิปปินส์เรียกร้องให้ดูแลพลเรือน
เพจ Philippine News Agency สื่อของรัฐ รายงานว่า ฟิลิปปินส์ โดยกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา “พิจารณาและดูแลพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างเหมาะสม” จากความขัดแย้งชายแดนระหว่างสองประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง
กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า เราหวังว่าประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสองประเทศจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและการยุติข้อพิพาทโดยสันติ
ฟิลิปปินส์ไม่ได้แสดงจุดยืนใดๆ เกี่ยวกับข้อพิพาทนี้ แต่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างและการทำให้มั่นใจว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
เราติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่ชาวฟิลิปปินส์ที่อาศัยอยู่ในสองประเทศนี้ หากจำเป็น
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานว่าชาวฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้
ญี่ปุ่นเรียกร้องสองฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์
ด้านกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ โดยนายอิวายะ ทาเคชิ รัฐมนตรีต่างประเทศว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีความกังวลอย่างยิ่งต่อการปะทะทางทหารที่เกิดขึ้นระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม
หลังจากการปะทะทางทหารเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง รวมถึงการจำกัดการเคลื่อนย้ายผู้คนและสินค้าข้ามพรมแดน ญี่ปุ่นได้พยายามส่งเสริมให้ทั้งสองประเทศคลี่คลายสถานการณ์ลง
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัมพูชาและไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ญี่ปุ่นเรียกร้องให้ทั้งกัมพูชาและไทยใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะคลี่คลายลงอย่างสันติผ่านการเจรจา
ยูนิเซฟขอทุกฝ่ายยุติความรุนแรงและคุ้มครองเด็ก
ส่วนนางจูน คุนูกิ ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงและให้การคุ้มครองเด็กท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา
ยูนิเซฟรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุปะทะที่ทวีความรุนแรงขึ้นบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีรายงานว่ามีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงเด็ก และส่งผลให้โรงเรียนหลายร้อยแห่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต้องปิดชั่วคราว
ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูงสุด พร้อมทั้งเร่งดำเนินการปกป้องคุ้มครองเด็กและบริการพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็กต้องเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด และโรงเรียนยังคงต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้ของเด็ก
“มาริษ” จะชี้แจงสมาชิก UN ว่าไทยถูกเปิดฉากยิงก่อนและถูกละเมิดอธิปไตย
วันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025: HLPF2025) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) นครนิวยอร์ก โดยการประชุม HLPF2025 เป็นเวทีสำคัญประจำปีของ UN ที่มุ่งติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยที่ขณะนี้ได้อยู่ในเวทีสหประชาชาติในห้วงที่เกิดความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าวันนี้เวลา 18:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย นายมาริษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะวีดีโอคอลประชุมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยเพื่อชี้แจงและทบทวนขั้นตอนการเตรียมความพร้อมรับมือหากต้องมีการอพยพคนไทยในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีคนไทยและนักลงทุนไทยอยู่ และจะชี้แจงในกรณีที่จะมีโอกาสได้พูดคุยกับสมาชิก UN ในกรณีไทยถูกเปิดฉากยิงถล่มในช่วงเช้าวันนี้เพื่อให้นานาชาติเข้าใจ ซึ่งพยานหลักฐานชัดเจนพบว่ากองทัพกัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ และขัดต่อหลักการสากล โดยการเลือกยิงเป้าหมายที่เป็นพลเรือนทั้งโรงพยาบาลและพื้นที่สาธารณะของประชาชนคนไทย นายจิรายุกล่าว