จับตาธุรกิจตู้กดสินค้าอัตโนมัติดาวรุ่งดันรายได้รวมพุ่งหมื่นล้าน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,710 ราย เพิ่มขึ้น 687 ราย (9.78%) เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2568 (7,023 ราย) ในขณะที่ทุนจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 22,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,905 ล้านบาท (21.56%) เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2568 (18,113 ล้านบาท)
ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 617 ราย ทุนจดทะเบียน 1,150 ล้านบาท 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 389 ราย ทุนจดทะเบียน 2,623 ล้านบาท 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 286 ราย ทุนจดทะเบียน 488 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.00%, 5.05% และ 3.71% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2568 ตามลำดับ
ทั้งนี้ในช่วง 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) มีธุรกิจจดตั้งใหม่ 51,548 ราย ลดลง 2,672 ราย (-4.93%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ทุนจดทะเบียน 171,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,375 ล้านบาท (1.41%) ขณะที่การจดทะเบียนเลิกจำนวน 8,069 ราย เพิ่มขึ้น 140 ราย (1.77%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 707 ราย 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 412 ราย และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 352 ราย คิดเป็นสัดส่วน 8.76%, 5.11% และ 4.36% จากจำนวนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ตามลำดับ
สำหรับประเภทธุรกิจที่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วง 7 เดือนของปี 2568 ใน 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 คือ 1. ธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไปโดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง เพิ่มขึ้น 317 รายคิดเป็น 50.16% 2. ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด เพิ่มขึ้น 280 ราย คิดเป็น 46.90% และ 3. ธุรกิจขนส่ง ขนถ่ายสินค้า และคนโดยสาร เพิ่มขึ้น 229 ราย คิดเป็น 23.46%
อย่างไรก็ตามกรมฯ ได้วิเคราะห์ธุรกิจที่น่าสนใจประจำเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า ‘ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ’ (Vending Machine) เป็นธุรกิจดาวรุ่งที่เติบโตสอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย การเลือกซื้อและเข้าถึงสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีทางเลือกชำระเงินที่หลากหลาย
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจนี้กว่า 760 ราย ทุนจดทะเบียนรวมกว่า 5,962 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึง 95% ขณะที่รายได้รวมของธุรกิจในปี 2567 อยู่ที่ 10,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 34.74% จากปี 2566 และยังดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 619 ล้านบาท โดย 3 อันดับที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดคือ ฮ่องกง ลงทุน 455 ล้านบาท หมู่เกาะเคย์แมน ลงทุน 76 ล้านบาท และออสเตรีย ลงทุน 27 ล้านบาท
ทั้งนี้ธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคตจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ในประเทศเริ่มมองเห็นช่องทางการตลาด และกระจายสินค้าผ่านช่องทางตู้จำหน่ายฯ มากขึ้น การเติบโตของธุรกิจนี้สะท้อนให้เห็นว่าการมองเห็นประโยชน์จาก ‘พื้นที่เล็กๆ’ อย่างมุมห้างสรรพสินค้า สำนักงาน คอนโดมิเนียม หรือสถานีรถไฟฟ้า ก็สามารถเปลี่ยนเป็นช่องทางสร้างรายได้มหาศาล โดยที่ไม่ต้องลงทุนจำนวนมากไม่ต้องใช้พนักงาน และสามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
หากผู้ประกอบธุรกิจสามารถใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนซื้อเครื่องเอง การเช่าเครื่อง หรือแฟรนไชส์ พร้อมธุรกิจนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI และระบบชำระเงินดิจิทัลมาช่วยให้บริการที่สะดวกและดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ จึงไม่เพียงเป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุน แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของ การค้าปลีกยุคดิจิทัล ที่สามารถพลิกพื้นที่เล็ก ๆ ให้กลายเป็นโอกาสใหญ่ได้จริง