มทร. ธัญบุรีดันนวัตกรรม PRSS แก้ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้งในไทย
ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่มีฝนตกชุกและมีพื้นที่ลุ่มต่ำจำนวนมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน มักเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันในช่วงหน้าแล้ง หลายพื้นที่กลับเผชิญกับวิกฤตการการขาดแคลนน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยเหตุนี้
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จึงได้ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์นวัตกรรมเพื่อการปรับตัวกับภัยน้ำ (WAIC) ขึ้น เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และงานวิจัยด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในระดับชุมชนและเมือง
และได้มีการร่วมมือกับ บริษัท บีพีเค เมเนจเมนท์ จำกัด และ ศูนย์เทคโนโลยีก่อสร้างทันสมัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (ACTEC) เพื่อจัดโครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำ ด้วยการนำ NEW PLA-KUN มาประยุกต์ใช้ในการจัดการและบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศไทย
ดร.กานต์ ศรีสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีพีเค เมเนจเมนท์ จำกัด ผู้นำเข้า NEW PLA-KUN กล่าวว่า NEW PLA-KUN เป็นนวัตกรรมโครงสร้างกักเก็บน้ำใต้ดินด้วยวัสดุพลาสติก หรือ PRSS (Plastic Rainwater Storage Structure) จากประเทศญี่ปุ่น เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพลาสติกกักเก็บน้ำใต้ดิน หรือ PRSS เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาน้ำท่วมขังและการขาดแคลนน้ำในประเทศไทย
โดยกักเก็บน้ำลงใต้ดินอย่างเป็นระบบ ไม่ทำลายวัฏจักรของน้ำ และสามารถนำน้ำที่เก็บไว้มาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ระบบนี้มีความแข็งแรง ทนทานใช้งานได้นานกว่า 50 ปี ติดตั้งง่าย เรียงซ้อนกันได้หลายชั้น ช่วยประหยัดพื้นที่และร่นระยะเวลาก่อสร้าง
อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบเดิม เช่น ระบบระบายน้ำหรือบำบัดน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปรับใช้ได้กับพื้นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม หมู่บ้าน สวนสาธารณะ โรงเรียน โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่พื้นที่เศรษฐกิจในเขตเมือง ซึ่งเดิมมีข้อจำกัดที่ระบบแบบเก่าไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ยังเหมาะกับการเตรียมรับมือกับปรากฎการณ์เอลนีโญ ลานีญา และปัญหาภัยแล้ง รวมถึงสามารถบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยงานรัฐเพื่อสำรองน้ำในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยสามารถปรับตามงบประมาณและลักษณะเฉพาะของแต่ละพื้นที่ โดยเชื่อว่า NEW PLA-KUN จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยยกระดับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน