ม.144เริ่มบรรเลง ศาลนัดฟันพิเชษฐ์ แปรงบ69ลงพื้นที่
"พิเชษฐ์-รอง ปธ.สภาฯ" ระทึก! ศาล รธน.นัดชี้ชะตา 1 ส.ค. ปมแปรงบฯ 69 ลงพื้นที่ตัวเอง ฝ่าฝืน รธน.มาตรา 144 สั่งไต่สวนพยาน 24 ก.ค. แต่ยกคำร้องแปรงบฯ 68-คำขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ "คำนูณ" แนะจับตา "มาตรา 144" เริ่มบรรเลงแล้ว
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน และ สส.รวม 121 คน (ผู้ร้อง) ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569
เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแล้ว ไม่อยู่ในขั้นตอนของการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายในกระบวนการทางนิติบัญญัติ ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (7) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย
ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 มีคำสั่งรับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมทั้งส่งสำเนาคำร้องให้นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับความเห็นของผู้ร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสาม ให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลภายในวันจันทร์ที่ 21 ก.ค.นี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 54 เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ให้คู่กรณีมารับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ณ ที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ ภายในเวลาที่กำหนดแทนการส่งเอกสารให้แก่บุคคลนั้น
ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 1 คน คือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า การกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง คือ การเสนอ การแปรญัตติ การกระทำ ด้วยประการใดๆ ที่มีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบยังไม่ปรากฏว่านายพิเชษฐ์ผู้ถูกร้องมีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวเป็นที่ยุติชัดเจน เป็นเพียงการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวกับกิจการของสภาผู้แทนราษฎรตามหน้าที่ของผู้ถูกร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายเท่านั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
สำหรับคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำวินิจฉัย กำหนดให้นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาฯ เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อยู่ในระหว่างการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกคำขอส่วนนี้
ส่วนคำขอให้ศาลกำหนดให้ผู้เกี่ยวข้องระงับการใช้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายของโครงการทั้ง 3 โครงการ ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับการจัดสรร เห็นว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องเกี่ยวกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จึงให้ยกคำขอส่วนนี้ และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้แล้วเสร็จตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลในวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค. เวลา 10.00 น. หากผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดี ให้ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือภายในวันอังคารที่ 29 ก.ค.68 และศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.68 เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หัวข้อ บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว! ระบุว่า เอกสารข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญวันนี้เรื่องที่ 7 น่าสนใจมากที่สุด เป็นกรณีการกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย) แม้จะยังเป็นเพียงชั้นรับไว้พิจารณาเท่านั้น แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วางหลักเกณฑ์เป็นบรรทัดฐานไว้ทันที โดยมีมติเอกฉันท์รับไว้พิจารณาเฉพาะกรณีการกระทำความผิดในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่ยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 144 วรรคสาม นี่เป็นการร้องตามมาตรา 144 คดีแรกที่ร้องเฉพาะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังน่าจับตาอย่างมากอยู่ดี เพราะสารัตถะของฐานความผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง คือ “การเสนอ การแปรญัตติ หรือ การกระทำด้วยประการใด ๆ…” หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดในอีก 15 วันข้างหน้า จะลงโทษเฉพาะบุคคลคนเดียวเท่านั้นหรือไม่อย่างไร
ส่วนคำร้องตามมาตรา 144 อีกคดีหนึ่งที่เป็นการร้องล้างบางทั้ง สส., สว., กรรมาธิการ และโดยเฉพาะ ครม.ด้วยนั้น เป็นอีกกรณีหนึ่ง จะใช้บรรทัดฐานคดีแรกนี้ไม่ได้ เพราะเป็นการใช้ฐานความผิดตามวรรคหนึ่ง (แปรญัตติตัดงบประมาณใช้คืนเงินกู้) และใช้ช่องทางตามวรรคสี่ยื่นผ่าน ป.ป.ช. ซึ่งมีสารัตถะต่างกันในรายละเอียดสองสามประการ และเรื่องหลังยังมาไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่เฉพาะวันนี้ก็พอกล่าวได้ว่าบทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือ นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็กความตั้งใจการทำงานของ สส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้อง
จากนั้นนายพิเชษฐ์กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้ง สส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่
ขณะที่ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรองถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้นขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า ขอให้ประชุมงบประมาณปี 69 เสร็จก่อน
จากนั้นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้ขึ้นมาถกเถียงกันเรื่องการนับองค์ประชุมกันไปมา นายพิเชษฐ์จึงขอปิดการประชุม ก่อนจะปิดการประชุมในเวลา 15.30 น.