แจกพิกัด 10 จุดเช็คอิน เที่ยวสุขใจเมืองรถม้า
ลำปาง จังหวัดที่เงียบสงบในภาคเหนือตอนบน หลายคนอาจจะนึกถึงเพียง "รถม้า" สัญลักษณ์ประจำเมือง แต่แท้จริงแล้ว ลำปางซ่อนเร้นเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติอันงดงามไว้อีกมากมาย เป็นเมืองที่ผสมผสานความคลาสสิกของล้านนาเข้ากับวิถีชีวิตเรียบง่ายได้อย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหาทริปที่ไม่วุ่นวาย ได้สัมผัสกลิ่นอายอดีต และเต็มอิ่มกับธรรมชาติ ลำปางคือจุดหมายที่ไม่ควรมองข้าม นี่คือ 10 ไฮไลต์ที่คุณต้องไปเช็คอินเมื่อมาเยือนเมืองรถม้าแห่งนี้
วัดพระธาตุลำปางหลวง
วัดพระธาตุลำปางหลวง คืออัญมณีของลำปาง เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วดอนเต้า หนึ่งในพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณที่สมบูรณ์แบบและงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ทั้งวิหารหลวง, ซุ้มประตูโขง, เจดีย์, และธาตุเจดีย์ที่ไม่ควรพลาดคือการชมเงาพระธาตุกลับหัวในมณฑปซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์
ถนนคนเดินกาดกองต้า
ทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ ถนนริมแม่น้ำวังจะกลายสภาพเป็น ถนนคนเดินกาดกองต้า แหล่งรวมของอร่อย ของที่ระลึก งานฝีมือ และการแสดงพื้นเมือง ท่ามกลางอาคารไม้เก่าแก่สไตล์ล้านนาผสมจีนและยุโรป ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการเดินเล่น ช้อปปิ้ง และซึมซับบรรยากาศย้อนยุคสุดชิล
สะพานรัษฎาภิเศก
สะพานรัษฎาภิเศก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "สะพานขาว" เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวังที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อฉลองการครองราชย์ครบ 25 ปีของพระองค์ เป็นจุดชมวิวแม่น้ำวังที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองลำปางที่ห้ามพลาดมาเก็บภาพ
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย หรือโรงพยาบาลช้างที่ดูแลช้างป่วยทั่วประเทศ ที่นี่คุณจะได้เรียนรู้เรื่องราวของช้างไทย ชมการแสดงความสามารถของช้าง และใกล้ชิดกับช้างอย่างเป็นมิตร เป็นสถานที่ที่ให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ช้างไทย
วัดปงสนุก
วัดปงสนุก วัดเก่าแก่ที่ได้รับรางวัลมรดกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO Asia-Pacific Awards for Cultural Heritage Conservation มีไฮไลต์อยู่ที่วิหารพระพุทธรูปนอนหรือวิหารพระนอน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาผสมพม่าที่สวยงามและแปลกตา ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองปาน อำเภอแจ้ห่ม อำเภอวังเหนือ และอำเภอเมือง มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนที่ยังอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวเด่นคือแหล่งน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า "น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน" เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีสภาพการเกิดทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจ
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ที่บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้อย่างแรกก็คือการ “ต้มไข่” ด้วยความที่น้ำพุร้อนในบ่อหลักมีอุณหภูมิสูงถึงกว่า 80 องศาเซลเซียส ร้อนจนคนไม่สามารถลงแช่ได้ แต่สามารถแช่ไข่ได้ โดยในอุทยานฯ มีไข่ไก่และไข่นกกระทาเตรียมไว้ขายให้นักท่องเที่ยวได้นำไข่ไปแช่ โดยมีคำแนะนำว่าถ้าต้มไข่ไก่นาน 17 นาที จะได้ไข่ต้มที่ไข่แดงแข็ง ส่วนไข่ขาวเหลวเป็นวุ้นคล้ายไข่เต่า เรียกว่า “ไข่น้ำแร่” หรือไข่ออนเซนนั่นเอง กินร้อนๆ รสชาติเยี่ยม ไม่มีกลิ่นคาว จะกินเปล่าๆ หรือเติมซีอิ้วโรยพริกไทยเพิ่มรสชาติก็ยิ่งอร่อยมากขึ้น
วัดไหล่หินหลวง
“วัดไหล่หินหลวง” เป็น โบราณสถานอีกแห่งหนึ่งในเมืองเขลางค์นครที่ควรแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง ขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยกรมศิลปากร ลักษณะเด่นของวัดไหล่หินเป็นวัดที่มีความครบถ้วนตามองค์ประกอบพุทธสถาน ล้านนา ประกอบด้วยลานหน้าวัดที่เรียกว่า “ข่วง” มีวิหารโถง ศาลาบาตรและลานทราย มีเจดีย์ท้ายวิหารแบบล้านนาที่บรรจุพระบรมธาตุองค์ประกอบดังกล่าว เป็นแบบจำลองภูมิภาคจักวาล คือ วิหารเปรียบเสมือนชมพูทวีป เจดีย์เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ และลานทรายเปรียบเสมือนมหานทีสีทันดร
พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา ลำปาง
“พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาลำปาง” หรือ พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยาและธรรมชาติวิทยา จังหวัดลำปาง จัดตั้งโดย กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้ด้านธรณีวิทยา และชากดึกดำบรรพ์ในภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งที่นี่ก็ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนืออีกด้วย
ที่นี่มีการจัดแสดง และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโลก และระบบสุริยจักรวาลเอาไว้มากมาย เช่น โลกดึกดำบรรพ์ใต้ท้องทะเล, สัตว์ในอดีตชนิดต่างๆ ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว, แหล่งแร่ธรรมชาติที่สำคัญในไทย และยังได้เปิดโลกไดโนเสาร์ ที่รวบรวมเอาไว้หลายสายพันธุ์จำนวนมากที่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ที่สำคัญ ยังเน้นไปที่ซากดึกดำบรรพ์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในช่วงมหายุคซีโนโซอิก ซึ่งพบมากในภาคเหนือของประเทศไทย
วัดพระธาตุดอยพระฌาน
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องไปชมสักครั้งก็คือ “พระใหญ่ไดบุตสึ” ที่ประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระธาตุดอยพระฌาน” ใน ต.ป่าตัน อ.แม่ทะ
พระพุทธรูปไดบุตสึหรือหลวงพ่อโตนี้ จึงมีลักษณะคล้ายกับพระไดบุตสึแห่งวัดโคโตคุ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ธยานมุทรา (ปางสมาธิ) ห่มจีวรคลุมแบบเปิดพระอุระแบบสมดุล พระพักตร์โน้มลงไปด้านหน้า พระเนตรมองต่ำ และที่เห็นองค์พระพุทธรูปเป็นสีออกฟ้าอมเขียวก็เกิดจากสนิมทองแดง หรือการทำปฏิกิริยาทางเคมีของทองแดงกับสภาพอากาศนั่นเอง
วัดพระเจดีย์ซาวหลัง
“วัดพระเจดีย์ซาวหลัง” ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม เป็นวัดใหญ่อยู่กลางทุ่งนา บริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ โดยที่มาชองชื่อของวัดแห่งนี้ มาจากคำว่า “ซาว” ที่แปลว่า “ยี่สิบ” และ “หลัง” แปลว่า “องค์” เมื่อนำมารวมกันวัดพระเจดีย์ซาวหลัง จึงแปลว่า “วัดที่มีเจดีย์ 20 องค์”
สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อมาถึงคือ องค์เจดีย์ทั้ง 20 องค์ ซึ่งเป็นเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม ศิลปะล้านนาแบบผสมผสาน มีความงดงามและโดดเด่น ถือเป็นศูนย์กลางของวัดที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพสักการะของชาวลำปางและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO