กัมพูชา ขอโทษคณะทูต IOT เหตุป่วนที่ช่องอานม้า อ้างทหารกัมพูชาเมา
ทูตทหาร IOT 8 ประเทศ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย รพ.พนมดงรัก ด้าน ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย เผยทหารไทยเป็นมืออาชีพ ขณะที่ฝ่ายไทยแจ้งว่า ทางกัมพูชาโทรมาขอโทษบอกทหารที่โวยวายที่ช่องอานม้า ในคลิปผู้กองอะตอม "เมา"
เช้าวันนี้ (20 ส.ค. 68) กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว Interim Observer Team หรือ IOT จำนวน 8 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ลงพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจความเสียหายเป็นวันสุดท้าย และมาเพื่อสังเกตการณ์ และรับทราบข้อเท็จจริงที่กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลพลเรือนในยามสงคราม
โดยมี แพทย์หญิงวรวรรณ กอปรกิจงาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรักฯ, นายเอกอนันต์ ศรีอินทร์ นายอำเภอพนมดงรัก และหน่วยงานกรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คอยต้อนรับคณะด้านหน้าโรงพยาบาล และร่วมบรรยายให้คณะ IOT และสื่อต่างชาติ ได้รับทราบถึงผลกระทบที่ทางโรงพยาบาลได้รับ และร่องรอยของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกัมพูชาที่ยิงจรวด BM-21 ตกลงมาใส่ในพื้นที่
รวมไปถึงให้ได้รับทราบถึงสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการปะทะกันตลอดแนวชายแดนระยะทาง 125 กิโลเมตร ตั้งแต่ อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง อ.สังขะ รวมไปถึงในส่วนของ อ.ปราสาท ทำให้มี 5 อำเภอ 25 ตำบล 296 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก อ.บัวเชด อ.สังขะ และ อ.ปราสาท กระทบต่อผู้คนในพื้นที่เกือบ 2 แสนคน กระทบต่อชีวิตพลเรือน และทรัพย์สินอีกจำนวนมาก เบื้องต้นมีบ้านเรือนเสียหายแล้ว 102 หลัง / วัด 3 แห่ง / โรงพยาบาล 1 แห่ง และพื้นที่เกษตรอีกจำนวนมาก รวมไปถึงยังมีผู้คนบาดเจ็บ 7 ราย เสียชีวิต 10 ราย หนึ่งในนั้นมีเด็กวัย 8 ขวบกรณีของน้องน้ำโขงด้วย
ส่วนในพื้นที่มีหลุมหลบภัย 918 หลุม รองรับประชาชนได้เพียง 15,000 คนเศษ จึงได้ศูนย์พักพิงรองรับประชาชนไว้ 154 แห่ง
โดยตัวแทนบรรยายยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “หวังว่าการมาสำรวจของท่านในครั้งนี้ จะสามารถนำและเก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของท่านต่อไป”
และย้ำอีกว่า “วันนี้เป็นการลงพื้นที่ของคณะวันสุดท้าย ที่ท่านจะได้นำความจริงของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เป็นสิ่งที่อยากจะบอกให้ได้รับรู้ว่า ทางกัมพูชามีการละเมิดข้อตกลงต่างๆ จำนวนมาก และการตอบโต้ของกัมพูชาทางโซเชียลต่างๆ ล้วนแต่เป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น จึงอยากให้ท่านที่ได้มาลงพื้นที่จริง ได้เห็น และพิจารณา เพื่อนำไปสู่การเจรจาต่อไป”
จากนั้น ได้มีการเปิดวิดีโอชุด “crying from the border“ เสียงร้องไห้จากชายแดน ที่จะสื่อถึงความจริงของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริง โดยเฉพาะจุดบ้านเรือนของพลเรือน, โรงเรียน และชีวิตของผู้คนจากเหตุการณ์ครั้งนี้
หลังจากที่มีการสรุปสถานการณ์เสร็จสิ้น ด้าน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้มีการกล่าวแสดงให้เห็นเจตนา และข้อควรพิจารณา ให้แก่คณะทูตทหาร IOT ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา 3 เรื่องหลักๆ 1. เรื่องการโจมตีของกัมพูชา ที่ยังใช้อาวุธกับฝ่ายไทยอยู่ โดยเฉพาะ “ทุ่นระเบิด” หลังข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ซึ่งเป็นการละเมิดชัดเจน
2.การใช้โดรนบินเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งต้องดูว่ามีการใช้โดรน หรือมีการเติมกำลังหรือไม่ โดยเฉพาะแนวชายแดนอย่างที่ช่องอานม้าเมื่อวานนี้ เช่นการมาทักท้วงต่างๆ
3.การยั่วยุ ที่ยังมีการเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวปลอม (Fake news) ในการตอบโต้ข่าวสาร ที่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง จะส่งผลให้เกิดความรุนแรงและความขัดแย้งมากกว่าใช้อาวุธเสียอีก ซึ่งการที่กัมพูชา สร้างข่าวปลอม ก็จะทำให้เกิดภาวะที่รอการปะทุ รวมไปถึง การเติมกำลัง ช่องอานม้า พลตรี วินธัย จึงย้ำว่า “ให้ดูกรอบ 13 ข้อ และขอฝากให้ IOT ช่วยดู”
โดยช่วงหนึ่ง พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา (Brigadier General Samsul Rizal bin Musa) ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ได้สื่อสารกลับว่า “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ได้เดินทางมา เดี๋ยวจะมีการรายงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อนำเรียนให้ทราบต่อไป และนำเรียนให้กับกองทัพไทย และกองทัพบกให้ทราบ โดยจะมีการระบุผ่านหลักฐาน 3 ข้อ คือ 1.การใช้ทุ่นระเบิด 2.เรื่องการใช้อากาศยานไร้คนขับ และ 3.การยั่วยุ และใช้ข้อมูลข่าวสารเท็จ ไม่ว่าจะเป็นแถลงการณ์ หรือโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ไม่ใช่แค่ในโซเชียลมีเดียอย่างเดียว อย่างเมื่อวานมีการยั่วยุโดยใช้กำลังทหารเข้ามา ซึ่งก็เจอเหตุแบบนั้นจริงๆ
บางช่วงผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย บอกว่า “ไม่ได้จะปากหวาน แต่ทหารฝั่งนั้นไม่มีความเป็นมืออาชีพ ในขณะที่ทหารไทยมีกำลังใจดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ และมีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก เรามาก็เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องตะโกนบอกใคร หรือไล่ใคร
พร้อมย้ำว่าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ไม่ได้มาเพื่อตัดสินใจว่าใครถูกหรือผิด แต่มาสังเกตการณ์ว่ามีการหยุดจริงอย่างแท้จริงหรือไม่ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่อยู่แนวชายแดน
โดยระหว่างการบรรยายสรุป ตัวแทนทหารไทยได้ชี้แจงต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่ช่องอานม้าเมื่อวานนี้ ทางฝ่ายกัมพูชา ได้ติดต่อมาขอโทษทาง IOT และแจ้งว่า “ทหารกัมพูชารายนั้นเมา”
หลังจากนั้นคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ได้มีการลงพื้นที่ไปสำรวจความเสียหาย โดยจุดแรกที่ไป คือบริเวณสนามหญ้าหน้าเสาธงของโรงพยาบาลพนมดงรัก เป็นจุดที่ลูกระเบิด BM-21 ตกเป็นจุดแรก ซึ่งมีขนาดเป็นหลุมลึก โดยทางการทหารไทยและผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรัก ได้อธิบายว่าจุดนี้เป็นจุดแรกที่ระเบิดลง และทางหน่วยเก็บกู้ระเบิดได้นำไปทำลาย
ก่อนที่จะเดินไปดูบังเกอร์ที่เคยถูกสร้างไว้ใช้เมื่อปี 2554 โดยไปสำรวจสภาพบังเกอร์ว่ายังคงมีความพร้อมการใช้งาน และจุดนี้ เป็นจุดที่ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หลบภัยเข้ามาที่บริเวณนี้
หลังจากนั้นคณะ IOT ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจความเสียหาย โดยจุดแรกที่ไป คือ บริเวณสนามหญ้าหน้าเสาธงของโรงพยาบาลพนมดงรัก เป็นจุดที่ลูกระเบิด BM-21 ตกเป็นจุดแรก ซึ่งมีขนาดเป็นหลุมลึก โดยทหารไทยและผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรัก ได้อธิบายว่าจุดนี้เป็นจุดแรกที่ระเบิดลง และทางหน่วยเก็บกู้ระเบิดได้นำไปทำลายแล้ว
จากนั้นได้เดินไปดูบังเกอร์ที่เคยถูกสร้างไว้ใช้เมื่อปี 2554 โดยไปสำรวจสภาพภายในบังเกอร์ว่ายังคงมีความพร้อมการใช้งานหรือไม่ และจุดนี้เป็นจุดที่ทางเจ้าหน้าที่ 139 คน ได้พากันวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในนั้นนานกว่า 5 ชั่วโมง
ต่อมาคณะ IOT ได้ไปดูความเสียหายอาคารภูมิพัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยจิตเวชของโรงพยาบาล ที่ได้รับความเสียหาย ถูกระเบิดตกใส่บริเวณหลังคาชั้น 2 ของอาคาร จนอาคารเสียหาย หลังคา และกระจกแตก ขณะที่อาคารข้างกัน ก็ได้รับความเสียหาย ถูกสะเก็ดระเบิดจนผนังเป็นรู ยังไม่ได้มีการซ่อมแซม
โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรัก ได้อธิบายให้คณะได้ฟังว่าอาคารดังกล่าว เป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากลูกระเบิด BM-21 หนักที่สุด มูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นศูนย์ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยจิตเวชของทางโรงพยาบาลพนมดงรัก สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างอาคาร และยังมีสะเก็ดระเบิดที่กระจายไปโดนกำแพงบริเวณโดยรอบ อีกทั้งยังพบบุคลากรภายในโรงพยาบาล ได้รับผลกระทบต่อสภาวะจิตใจอย่างรุนแรง หรือมีสภาวะเครียดภายหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ ที่เรียกกันว่า PTSD เบื้องต้นมีบุคลากรที่ยังรักษาอยู่ 11 ราย
ต่อมา พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา (Brigadier General Samsul Rizal bin Musa) ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย กล่าวขอบคุณกองทัพไทย และกองทัพบก ที่ได้ให้พวกเรามาดูสถานที่จริง เพื่อได้ตรวจสอบ และเพื่อยืนยันว่าความเป็นจริงคืออะไร ซึ่งก็จะนำข้อมูลดังกล่าวนำเรียนต่อไป ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ ไม่ได้มาตรวจสอบและชี้ว่าใครถูกใครผิด เรามาเพื่อตรวจสอบเพียงเท่านั้น
สำหรับผู้สื่อข่าวที่มีการสอบถามว่าการลงพื้นที่มาในวันนี้ มีเรื่องเซอร์ไพรส์น่าแปลกใจอะไรหรือไม่ พล.ต.ซัมซุล บอกว่า มีหลายอย่างที่ไม่คาดคิด ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ไม่ได้มีแค่จุดนี้ แต่ยังมีจุดอื่นที่เราต้องไปอีก โดยมีผู้กองอะตอม เป็นผู้แปลภาษาไทย จากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ซัมซุล
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กัมพูชา ขอโทษคณะทูต IOT เหตุป่วนที่ช่องอานม้า อ้างทหารกัมพูชาเมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รัฐบาลยันพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ของไทย เตือนกัมพูชาอย่าใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์
- ถอดคำพูด "ทหารกัมพูชา" คลิปลอบฝังทุ่นระเบิด PMN-2
- คณะ IOT ดูความเสียหาย รพ.พนมดงรัก "วินธัย" ชี้เจตนากัมพูชา โจมตีพลเรือน-กุข่าว-ยั่วยุ
- แฉ "ทหารกัมพูชา" ทำกับดัก "หลุมขวาก" บริเวณภูมะเขือ ป้องกัน "ทหารไทย"
- กัมพูชา ขอโทษคณะทูต IOT เหตุป่วนที่ช่องอานม้า อ้างทหารกัมพูชาเมา
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath