ครม. มีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จังหวัดสุโขทัย
ครม. มีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จังหวัดสุโขทัย
วันที่ 5 สิงหาคม 2568 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จังหวัดสุโขทัย (โครงการฯ) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ลุ่มน้ำยมยังไม่สามารถบริหารจัดการภายในลุ่มน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่สามารถสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่บริเวณตอนบนของลุ่มน้ำยมส่งผลให้เกิดปัญหาอุทกภัยในฤดูน้ำหลากและปัญหาภัยแล้งเป็นประจำโดยเฉพาะในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำยม ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี สร้างความเสียหายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำยม จังหวัดสุโขทัย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โดยกรมชลประทานจึงได้วางแผนการดำเนินโครงการ 2 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย [คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ] และ
(2) โครงการปรับปรุงคลองยม - น่าน จังหวัดสุโขทัย (โครงการฯ) (คณะรัฐมนตรีเคยมีมติอนุมัติโครงการแล้วเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 และ กษ. ได้เสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการมาในครั้งนี้)
โดยเป็นการตัดยอดน้ำบางส่วนออกจากแม่น้ำสายหลักและควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองสุโขทัยให้คงเหลือประมาณ 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเพียงพอกับศักยภาพของแม่น้ำยมในบริเวณตัวเมือง โดยเป็นการปรับปรุงคลองระบายน้ำ 2 คลอง ได้แก่ ปรับปรุงคลองหกบาทและคลองยม - น่าน และก่อสร้างคลอง 1 ขวา (ช่วยเพิ่มการระบายน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่คลองหกบาท) เพื่อให้คลองหกบาทสามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำยมได้ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วระบายน้ำเข้าสู่คลองยม - น่าน จำนวน 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านและคลองยมเก่า
ในครั้งนี้ กษ. ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการฯ โดยสาเหตุที่ต้องมีการขอขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการฯ เนื่องจาก
1) ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจากเดิม 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2567) เป็น 8 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563-พ.ศ. 2570)
สาเหตุ
-การจัดหาที่ดินเกิดความล่าช้า เนื่องจากราษฎรเจ้าของที่ดินไม่ยอมยื่นคำขอรังวัดทำให้ไม่สามารถรังวัดที่ดินได้ จึงจำเป็นต้องเสนอขอออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2009 ผู้รับจ้างประสบปัญหาขาดแคลนวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร - เครื่องมือไม่เพียงพอ และไม่สามารถเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าสถานที่ก่อสร้างได้
- การบริหารจัดการน้ำระหว่างก่อสร้าง โดยในช่วงฤดูน้ำหลากมีความจำเป็นต้องใช้คลองยม - น่าน ในการระบายน้ำจากแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่านเพื่อป้องกันอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นตัวเมืองสุโขทัยและอำเภอใกล้เคียง ส่งผลให้ไม่สามารถปฏิบัติงานก่อสร้างได้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
2) เพิ่มกรอบวงเงิน จากเดิม 2,875 ล้านบาท (มติคณะรัฐมนตรี 7 เมษายน 2563) เป็น 3,069 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 194 ล้านบาท)
สาเหตุ
- ราคาที่ดินสูงกว่าราคาประเมินเบื้องต้นและการปรับค่าชดเชยที่ดินให้สูงขึ้นเพื่อให้ราษฎรที่ได้รับผลกระทบยอมรับค่าที่ดิน
- การปรับแบบก่อสร้างและการเพิ่มเติมอาคารประกอบเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์และลดผลกระทบต่อราษฎรในพื้นที่
ทั้งนี้ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง ตามที่ กษ.เสนอ โดยมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น สงป. เห็นว่า สำหรับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น เห็นควรให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป รวมถึงกรมชลประทานจะเร่งรัดดำเนินการโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน และ สทนช. เห็นว่า กษ. (กรมชลประทาน) ควรเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่เสนอเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม และระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณ พร้อมทั้งให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่อ กนช. ทุก 6 เดือน