รวบหนุ่มเมืองหมอแคน ยึดแบตเตอรี่เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศ ส่งคืนบริษัท
รวบหนุ่มเมืองหมอแคน ยึดแบตเตอรี่เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศ ส่งคืนบริษัท
วันที่ 8 ส.ค.68 ที่ บก.สอท.2 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 , พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 ,พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. และ พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. แถลงข่าว บุกบ้านหนุ่มขอนแก่น ยึดแบตเตอรี่เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศ ส่งคืนบริษัททรูฯ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 ได้รับการร้องเรียนจากบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ว่าทางบริษัทได้ตรวจสอบพบว่า มีการนำแบตเตอรี่ของบริษัท ทรูฯ ออกมาประกาศขายผ่านทางกลุ่ม เฟซบุ๊ก จึงมีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ทำการสืบสวนตรวจสอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้เข้าไปตรวจสอบ ทำการติดต่อซื้อขาย และนัดรับของ ณ ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใน ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ต่อมา วันที่ 7 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, บก.ตอท., เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทรูฯ ได้ไปรอที่จุดนัดหมาย เมื่อพบนายสุริยาฯ จึงได้เข้าไปแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทำการตรวจสอบรถยนต์คันที่ นายสุริยาฯ ขับมา ผลปรากฏว่า พบแบตเตอรี่ที่ได้มีการติดต่อซื้อขายไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จากบริษัท ทรูฯ ได้เข้ามาทำการตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นแบตเตอรี่ของบริษัท ทรูฯ ที่ได้มาจากการนำเข้ามาโดยเฉพาะ ไม่มีวางขายทั่วไปในท้องตลาด สอบถามเพิ่มเติม ทราบว่ามีอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่บ้านพักของตน จึงขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบแบตเตอรี่หลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ เพื่อดำเนินการต่อไป
จากการตรวจค้นเบื้องต้น พบนายสุริยาฯ อายุ 37 ปี เป็นผู้ครอบครองแบตเตอรี่ดังกล่าว และให้การว่าซื้อแบตเตอรี่มาจากในกลุ่มซื้อขายของ หลังจากนั้นเอามาขายทำกำไร โดยทำมาประมาณ 3 ปี นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดได้หลายรายการ อาทิ 1.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ LIGRT จำนวน 4 ก้อน 2.โครงด้านนอก แบตเตอรี่ ยี่ห้อ LIGRT ถูกแยกชิ้นส่วน จำนวน 1 ชิ้น 3.เซลล์แบตเตอรี่ ด้านใน ยี่ห้อ LIGRT จำนวน 6 ก้อน 4.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ Paco จำนวน 2 ก้อน 5.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ Huawei จำนวน 4 ก้อน 6.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ TRANPOWET จำนวน 1 ก้อน
7.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ POTEVIO จำนวน 1 ก้อน 8.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ VISION จำนวน 1 ก้อน 9.แบตเตอรี่ ยี่ห้อ SACRED SUN จำนวน 10 ก้อน
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดกว่า 1 ล้านบาท
ตำรวจไซเบอร์ขอฝากความห่วงใยไปยังพี่น้องประชาชน หากต้องการซื้อแบตเตอรี่มาใช้ ควรซื้อจากร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรงเท่านั้น เพราะแบตเตอรี่มือสองและไม่รู้ที่มาที่ไปอาจไม่ได้มาตรฐานและเกิดอันตราย หรืออาจจะเป็นแบตเตอรี่ที่ขโมยมาก็เป็นได้