หมอได้หวันแนะนำ "ของหวาน" 1 ชนิด ช่วยลดน้ำหนักได้ แค่กินวันละชาม คนไทยรู้จักดี
“ของหวาน” อย่างหนึ่งช่วยลดน้ำหนักได้! แพทย์เผย “ไม่ต้องออกกำลังกายหรืออดอาหาร” แค่กินวันละชาม ก็ช่วยเผาผลาญไขมัน
นายแพทย์เซียว เจี้ยนเจี้ยน ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก ชาวไต้หวัน เผยว่า เมื่อแบคทีเรียชนิด “ไฟร์มิคิวตส์” ในลำไส้ใหญ่พบกับกรดอะซีติกที่เกิดจากการหมักอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและแป้งดื้อ จะช่วยลดไขมันในตับและไขมันรอบอวัยวะภายในได้ ผลลัพธ์คล้ายกับการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ
เขาแนะนำให้กิน “ถั่วเขียวต้ม” เพราะอุดมไปด้วยแป้งดื้อและเบต้า-กลูแคน ซึ่งช่วยส่งเสริมการเผาผลาญไขมันตามธรรมชาติ
“ที่ดียิ่งกว่านั้นคือ คุณไม่ต้องทรมานกับการงดแป้งแบบสุดโต่ง แค่เปลี่ยนประเภทของอาหารหลัก ก็สามารถเปิดสวิตช์การเผาผลาญไขมันในร่างกายได้อย่างง่ายดาย” แพทย์กล่าว
หมอเซียว เจี้ยนเจี้ยน อธิบายผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจว่า จากงานวิจัยล่าสุดในวารสาร Cell Metabolism พบว่า เมื่อแบคทีเรียชนิด Bacteroides ในลำไส้ใหญ่พบกับกรดอะซีติก (Acetate) ซึ่งเกิดจากการหมักของอาหารที่มีใยอาหารสูงและแป้งดื้อ จะช่วยลดไขมันในตับและไขมันรอบอวัยวะภายในได้ โดยให้ผลคล้ายกับการควบคุมอาหารแบบคีโตหรือโลว์คาร์บ
“เมื่อคุณกินกล้วยดิบ มันเทศที่ต้มแล้วแช่เย็น ข้าวโอ๊ต หรืออาหารที่อุดมด้วยแป้งดื้อและเบต้า-กลูแคน พวกมันจะค่อย ๆ หมักตัวอย่างเงียบ ๆ ในลำไส้ แล้วสร้างกรดอะซีติกออกมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้แบคทีเรีย Bacteroides เพิ่มจำนวนอย่างมาก”
แพทย์อธิบายเพิ่มเติมว่า แบคทีเรีย Bacteroides เหล่านี้แม้จะเล็กจิ๋ว แต่ทรงพลังราวกับ “พนักงานทำความสะอาดที่หิวโหย” ซึ่งจะรีบกำจัดน้ำตาลส่วนเกินในลำไส้ออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องหันมาเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้นานแทน
Vie Studio
หากต้องการให้กรดอะซีติกเดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกไฟเบอร์ที่ย่อยช้า เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง กล้วยดิบ ซึ่งอุดมด้วยแป้งดื้อ และหากนำมันเทศไปอบแล้วแช่เย็นข้ามคืน จะช่วยเพิ่มปริมาณแป้งดื้อได้อย่างมากอีกด้วย
หมอเซียว เจี้ยนเจี้ยนกล่าวต่อว่า นอกจากแป้งดื้อแล้ว ยังสามารถรับสารเบต้า-กลูแคน ได้ง่าย ๆ เช่น แค่แช่ข้าวโอ๊ตในน้ำไว้ข้ามคืน ก็สามารถนำมารับประทานในเช้าวันถัดไปได้เลย
นอกจากนี้ ผักธรรมดาอย่างหน่อไม้ฝรั่ง หัวหอม และกระเทียม ก็อุดมไปด้วย โอลิโกฟรุกโตส (FOS) ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดดี เพียงแค่ผัดเบา ๆ ก็ยังคงรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้
คุณหมอยังเตือนว่า หากคิดจะดื่มน้ำส้มสายชูเพื่อเพิ่มกรดอะซีติกนั้นไม่ได้ผล เพราะกรดจะถูกดูดซึมไปหมดตั้งแต่ลำไส้เล็ก ทำให้ลำไส้ใหญ่ไม่เหลือเชื้อเพลิงไว้ใช้เลย
คุณหมอเสริมว่า แม้แบคทีเรีย Bacteroides จะเป็นจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ของทุกคน แต่กลับถูกทำร้ายจากอาหารสมัยใหม่ หากต้องการให้แบคทีเรียเหล่านี้กลายเป็นพันธมิตรในการเผาผลาญไขมัน ควรปฏิบัติดังนี้
ทานอาหารสีรุ้งบนจาน — ผลไม้และผักสีเข้ม เช่น บลูเบอร์รี และกะหล่ำปลีม่วง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของ Bacteroides
เว้นช่วงอดอาหาร 14 ชั่วโมง — เป็นวิธีที่อ่อนโยนกว่าการอดอาหารแบบ 16:8 โดยหยุดกินตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึง 10 โมงเช้า ช่วงอดอาหาร 14 ชั่วโมงนี้ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีโดยไม่เครียดเกินไป
หลีกเลี่ยง “ฆาตกรจุลินทรีย์” — น้ำตาลขัดขาว, มาการีน, ครีมเทียมมังสวิรัติ ล้วนส่งผลให้จำนวน Bacteroides ลดลงครึ่งหนึ่ง