เปิดพฤติกรรมเสี่ยง นิ่วในถุงน้ำดี พบมีสัญญาณเตือนก่อน เช็กได้เลย
พฤติกรรมเสี่ยง นิ่วในถุงน้ำดี คุณอาจกำลังใช้ชีวิตประจำวันที่เสี่ยงต่อ "นิ่วในถุงน้ำดี" โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการกิน การใช้ชีวิต หรือแม้แต่เพศสภาพ แต่น่าดีใจที่ร่างกายมักส่งสัญญาณเตือนก่อน วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงและ 5 สัญญาณสำคัญที่คุณควรรีบเช็ก ก่อนที่ภัยเงียบนี้จะคุกคามสุขภาพของคุณ
นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากอะไร? ต่างจากนิ่วในไตไหม?
นพ.เจษฎ์ อธิบายว่า นิ่วไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด โดย นิ่วในไต มักเกิดจากเกลือแร่และแคลเซียมที่จับตัวกันในปัสสาวะ ขณะที่ นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากการตกตะกอนของคอเลสเตอรอลในน้ำดีจนกลายเป็นก้อนแข็ง
“ร่างกายเรามีน้ำดีไว้ช่วยย่อยไขมัน ตับจะผลิตน้ำดีแล้วเก็บไว้ในถุงน้ำดี พอเรากินของมัน ๆ ถุงน้ำดีจะบีบน้ำดีออกมาช่วยย่อย แต่ถ้าคอเลสเตอรอลในน้ำดีเยอะเกิน หรือถุงน้ำดีบีบตัวไม่ดี น้ำดีค้างอยู่นาน ๆ ก็จะจับตัวเป็นก้อนนิ่วได้ นึกภาพง่าย ๆ เหมือนน้ำซุปที่ทิ้งไว้นานจนไขมันจับเป็นก้อน แบบนั้นเลยครับ” นพ.เจษฎ์ กล่าวเสริม
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดี?
นพ.เจษฎ์ ได้ระบุกลุ่มเสี่ยงที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งจำง่าย ๆ ด้วยสูตร “4F” ได้แก่
Female (ผู้หญิง) โดยเฉพาะผู้หญิงอายุเกิน 40 ปี
Forty (อายุ 40+)
Fat (ไขมันเยอะ) หรือคนที่มีน้ำหนักตัวมาก
Fertile (ฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง)
นอกจากนี้ ผู้ที่ทำงานนั่งนาน ไม่ค่อยขยับตัว หรือผู้ที่ชอบรับประทานอาหารทอด ของมันจัด หนังไก่ หนังหมู รวมถึงผู้ที่มีพันธุกรรม ก็เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเช่นกัน
ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างไร?
ข่าวดีคือโรคนิ่วในถุงน้ำดีสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน นพ.เจษฎ์ แนะนำดังนี้
เลือกไขมันดี: ใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด และรับประทานไขมันจากปลาโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยปรับสมดุลน้ำดีได้ดีกว่าของทอด
กินโปรตีนไขมันน้อย: เลือกเนื้อปลา ไก่ไม่ติดหนัง เต้าหู้ ลดการกินหนังไก่ หนังหมู และอาหารมัน ๆ
เพิ่มผักและไฟเบอร์: ใยอาหารช่วยลดการดูดซึมไขมันเข้าสู่กระแสเลือด
ขยับตัวหลังอาหาร: ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก เพียงแค่เดินเล่นเบา ๆ ช่วยให้ถุงน้ำดีบีบตัวได้ดี น้ำดีไม่ค้าง
ควบคุมน้ำหนัก: การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมส่งผลดีต่อทั้งน้ำดีและสุขภาพโดยรวม
สังเกตอาการเตือน…อย่ารอให้ต้องผ่าตัด
นพ.เจษฎ์ ย้ำเตือนว่ามีอาการหลายอย่างที่เป็นสัญญาณเตือนก่อนที่อาการจะรุนแรง เช่น ปวดจุกแน่นชายโครงขวาหลังกินของมัน คลื่นไส้อาเจียนหลังมื้อใหญ่ ๆ หรือท้องอืด แน่นท้องแบบผิดปกติ
“ถ้าเริ่มมีอาการบ่อย ๆ อย่ามัวเดาว่าเป็นโรคกระเพาะ ลองไปอัลตราซาวด์เช็กถุงน้ำดีดีกว่า จะได้รักษาทันเวลา” นพ.เจษฎ์ กล่าวปิดท้าย
ประสบการณ์ของกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนให้ทุกคนตระหนักว่านิ่วในถุงน้ำดีไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ เพื่อลดโอกาสในการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว