MIND: ‘ยุคแห่งความกลัว’ กำลังให้กำเนิดโลกที่ไร้เหตุผล เมื่อผู้คนใช้ตรรกะแบบชนเผ่า
ถ้าจะพูดถึงภาวะที่ผู้คนละทิ้งเหตุผลและหลักการไปสมาทานวิธีคิดป่าเถื่อนเสมือน ‘คนป่า’ มันก็อาจเป็นสิ่งที่ทันสมัย โดยเฉพาะในชาติที่อยู่ในสภาวะสงครามและความขัดแย้งระดับรุนแรง และเห็นผู้คน ‘ละทิ้งเหตุผล’ ที่ตนเคยมีกันปกติ
คำถามคือเพราะเหตุใด นี่เป็นเรื่องแปลกหรือไม่?
บทความของอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดที่ลงใน Psychology Today ชี้ว่ามันไม่ได้แปลกประหลาดพิสดารเลย เพราะมนุษย์เป็นแบบนี้มาตลอด
โดยเริ่มจากคำถามว่า “คุณรู้สึกไหมว่าทุกวันนี้ผู้คนทั่วโลกดู ‘มีเหตุผล’ น้อยลง” ต่อการเผชิญหน้าความกลัวสารพัด ทั้งสงครามโลก ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน ไปจนถึงปัญหาสังคมเศรษฐกิจและการเมืองในท้องถิ่นมากมาย
ยุคนี้คือ ‘ยุคแห่งความกลัว’ และมันไม่แปลกเลยที่มนุษย์จะเริ่มปฏิบัติตัวแบบ ‘ชนเผ่า’ ที่ยึดถือกฎเกณฑ์ของเผ่าเหนือเหตุผลและข้อมูลเชิงประจักษ์ใดๆ
ถ้าย้อนไปในรอบ 5 ปี โลกเราเจอทั้งภัยจากโรคระบาด เจอทั้งสงครามทั่วโลก ความท้าทายสถานะมนุษย์ของ AI สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเกิดเป็นพิษทางเศรษฐกิจที่ทำให้ไม่มีใครมั่นใจในอนาคตตัวเองอีกต่อไป
มนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกกำลังหวาดกลัว และ ‘ความกลัว’ ที่ว่านี้กำลังผลักให้พวกเขาเริ่มหยุดใช้เหตุผลเชิงวิพากษ์ และเข้าไปอยู่ในสังคมที่เปรียบเสมือนการสังกัดชนเผ่าที่ผู้คนล้วนคิดเหมือนกันหมด เชื่อในอะไรบางอย่างร่วมกันแบบไม่ตั้งคำถาม และใครก็ตามที่คิดต่างออกไปก็จะถูกขับออกจากเผ่า
มนุษย์จะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ท่ามกลางคนที่คิดเหมือนกัน ไม่ว่าความคิดนั้นจะเป็นความคิดว่ามนุษย์ต้องยุติการกินเนื้อสัตว์เท่านั้น ปัญหาโลกร้อนจึงจะมีโอกาสจบสิ้นลง ความคิดที่ว่าใส่หน้ากากอนามัยจะป้องกันโรคระบาดได้ก่อนจะมีผลวิจัยมารองรับ ความคิดว่าการลงทุนในอะไรบางอย่างจะทำให้ปัญหาทางเศรษฐกิจการเงินอันซับซ้อนจบสิ้น ความคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเริ่มสงครามก่อน และคู่ควรจะถูกทำให้หายไปจากแผนที่โลก
แน่นอน นี่เป็นความคิดที่ ‘คนนอกเผ่า’ ฟังแล้วส่ายหน้า แต่สุดท้ายถ้าใครในเผ่า ‘คิดต่าง’ ออกมาดังๆ ก็จะโดนเนรเทศออกจากเผ่า ‘การพูดความจริง’ มีราคาที่ต้องจ่าย และแม้การถูกขับออกจากเผ่าจะไม่ได้ถึงกับคอขาดบาดตาย แต่มันทำให้ ‘ความรู้สึกปลอดภัย’ อันหาในยากยุคนี้หายไป ดังนั้นคนส่วนใหญ่ก็จะกลัวการถูกขับออกจากเผ่า และระงับการใช้เหตุผลของตนเองเอาไว้ชั่วคราว
นี่คือคำอธิบายว่า ทำไมแม้แต่คนที่ดูมีเหตุผลในยุคนี้ก็ล้วนพูดอะไรที่ดูไร้เหตุผลออกมาได้หน้าตาเฉย คำตอบมันไม่ใช่เรื่องเหตุผลและการใช้สมอง แต่มันเป็นเรื่องของการต้องการรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในโลกที่ภัยสามารถวิ่งมาหาได้จากทุกทิศทาง
ดังนั้นในยุคที่คนยึดตามความเชื่อของเผ่าเพื่อความปลอดภัย เหตุผลและการยืนหยัดในหลักการจึงเป็นสิ่งที่หายาก
คำถามคือ แล้วมนุษย์จะหลุดจากภาวะแบบนี้ได้อย่างไร?
ถ้าจะตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็คือบรรยากาศสังคมโลกต้องเปลี่ยน ‘สันติภาพ’ จะต้องคงอยู่ คนจึงจะเปลี่ยนความคิด ดังที่เราจะเห็นว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงที่โลกสงบและเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า คนก็เริ่มเป็นปัจเจกขึ้น ไม่ได้พยายามจะเข้าไปอยู่ในสังคมชนเผ่า
พูดอีกแบบ บรรยากาศที่คนปัจจุบันต้องหา ‘เผ่า’ สังกัดเพื่อความปลอดภัย เกิดมาจากปัญหาความไม่มั่นคงในทุกระดับที่เป็นบรรยากาศโดยรวมในโลกตั้งแต่ COVID-19 ระบาด และก็เรียกได้ว่าสภาพสังคมในประเทศต่างๆ ก็ไม่ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม และสงครามที่ปะทุแบบเล็กๆ ในหลายภูมิภาคทั่วโลกก็ยิ่งสร้างบรรยากาศให้คนคิดว่าอะไรที่เลวร้ายกว่านี้จะตามมา
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะบรรยากาศช่วงนี้ก็คล้ายตอนก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จริงๆ เศรษฐกิจแย่ทั้งโลก ลัทธิชาตินิยมบ้าคลั่งกลับมาแทบทั่วโลก พรรคฝ่ายขวาเรืองอำนาจทางการเมือง ฯลฯ
คงไม่มีใครหลุดออกจากกรอบความกลัวได้เองง่ายๆ แบบพรวดพราด และสภาวะเช่นนี้ก็คงจะดำเนินต่อไป เราก็แค่หวังว่ามันจะค่อยๆ คลี่คลายตัวเองไปช้าๆ และไม่ทำให้ใครก็ตามต้องสูญเสียชีวิตหรือบาดเจ็บถาวรไปมากกว่านี้