TKC ชี้เอกชนไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจ รัดเข็มขัด ชะลอการลงทุน
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ทั้งเรื่องปัญหาการเมือง พอจะคลี่คลายบ้าง ก็มีปัญหาเรื่องภาษีทรัมป์ ขณะที่ยังรอคำตอบ กลับมีปัญหาเพิ่มมาใหม่อีกอย่างปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นต้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจจำนวนมาก รวมถึง TKC ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาเสถียรภาพและมองหาโอกาสเติบโตใหม่
เศรษฐกิจไทยยังคงชะลอตัวจากหลายปัจจัย อาทิ ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อมีรัฐมนตรีมารับตำแหน่งใหม่ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการศึกษาโครงการต่างๆ ก็อาจทำให้เกิดการชะลอตัวลงบ้าง
ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็มีการชะลอการลงทุนด้วยความกังวลและไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ ทำให้เอกชนแม้จะมีทุน ก็ยังลังเลในการขยายกิจการธนาคารเองก็กังวลเรื่องหนี้เสีย ไม่กล้าปล่อยกู้
แม้จะมีเงินทุนในมือ แต่หลายบริษัทเลือกที่จะ รอ เพราะความไม่แน่นอนยังสูง และธนาคารเองก็ไม่กล้าปล่อยกู้ ขณะที่โครงการภาครัฐยังไม่เดินหน้าเต็มที่
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน TKC วางกลยุทธ์รับมืออย่างรอบด้าน โดยเน้นการบริหารต้นทุนอย่างเข้มข้น ลดจำนวนพนักงานขาย เหลือเพียงหนึ่งคนต่อกลุ่มลูกค้า และนำทรัพยากรภายในเครือ อย่างบริษัทแม่คือ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) SKY และ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT มาใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังชะลอการลงทุนใหม่ที่ยังไม่จำเป็น เช่น การสร้างสำนักงานใหม่หรือการขยายทีม เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
แม้จะได้รับข้อเสนอสินเชื่อจากธนาคาร TKC ก็ยังไม่ลงทุนในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่มีความชัดเจน พร้อมเดินหน้าต่อยอดงานในมือ (Backlog) และการเข้าซื้อกิจการอย่างมีกลยุทธ์ ที่ล่าสุดได้เพิ่มการถือหุ้นใน AIT เป็นเกือบ 35% เพื่อรวมรายได้และเพิ่มกำไรในระยะยาว
นายสยาม กล่าวว่า หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ TKC คือการรุกตลาดดิจิทัลภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดประมูลในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี เช่น โครงการ Smart City, Smart Grid, Smart Classroom รวมถึงการเติบโตอย่างงาน Cybersecurity และการอบรมกว่า 200 ล้านบาทต่อปี
เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรตระหนักจากที่เมื่อก่อนเป็นสิ่งแรกที่ตัดออกจากงบประมาณการลงทุนเปลี่ยนเป็นความจำเป็นต้องมี รวมถึงการขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ด้วย ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด