‘อดีตเลขาฯประชามติ’ มองแก้ รธน.ปี60 ไม่ทันรัฐสภาชุดปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 68 ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญปี 2560 กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเสนอทางการเมืองถึงการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดขึ้นภายในรัฐบาลปัจจุบัน ว่า ในประเด็นดังกล่าว ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาเสนอให้วินิจฉัยต่อจำนวนครั้งของการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เบื้องต้นคาดว่าจะรู้ผลในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนออกมา ทั้งให้ทำประชามติ 2 ครั้ง และทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งไม่ว่าคำวินิจฉัยจะกำหนดให้ทำประชามติกี่ครั้ง จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่บรรจุไว้ในระเบียบวาระของรัฐสภา
นายนิกร กล่าวต่อว่า หากคำวินิจฉัยชี้ว่าต้องทำประชามติ 2 ครั้ง จะทำให้รัฐสภาเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตามที่บรรจุไว้ในระเบียบวาระได้ แต่เชื่อว่าจะถูกโหวตตกในวาระแรก เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เว้นวรรคหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเชื่อว่าในขั้นการโหวต สว. จะไม่เห็นชอบด้วยคะแนนถึง 1 ใน 3 แน่นอน และหากคำวินิจฉัยระบุว่าทำ 3 ครั้ง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 นั้น จะถือว่าตกไป เพราะถือว่าไม่ผ่านกระบวนการทำประชามติครั้งแรก ที่ต้องถามความเห็นของประชาชนก่อน
“หากรัฐบาลต้องทำประชามติเพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ผมเชื่อว่าจะทำได้ เพราะมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ และผลของการทำประชามติจะผ่าน แต่จะไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาได้ทันก่อนหมดวาระ ดังนั้นทำประชามติได้ เพื่อตั้งต้นให้รัฐสภาชุดใหม่ดำเนินการ” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนเสนอแนวคิดให้มีรัฐบาลชั่วคราวและแลกกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ แม้เสนอได้แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ทำไม่ได้จริง อย่างไรก็ตาม ต้องรอคดีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกคำสั่งศาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งการเสนอทางที่เป็นทางบายพาสนั้น ไม่เกิดขึ้นแน่นอน.