วิบากกรรม “ทักษิณ” สู้นิติสงคราม
วิบากกรรม “ทักษิณ” สู้นิติสงคราม
ย้อนกลับไปในช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีสถานะเป็นจำเลยคดี 112 จากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 จากการกล่าวพาดพิงถึงกลุ่มคนที่เขาเรียกว่า Palace Circle หรือที่แปลว่า “แวดวงวัง” หรือ “ผู้แวดล้อมวัง” ซึ่งเป็นคดีที่ได้รับภายหลังรัฐประหารปี 2557 โดยมีนายทหารฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษสถานการณ์คดี ม.112 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา ในช่วงปี 2563 เป็นต้นมา มีผู้ถูกกล่าวหาข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” อย่างน้อย 274 คน ในจำนวน 307 คดี ตามการรายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ซึ่งหากย้อนไปในสมัยที่เกิดขบวนการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว คดีหมิ่นพระมหากษัตริย์ ได้ถูกนำมาใช้กล่าวหาทางการเมืองและใช้มาตรา 112 แจ้งความกันไปมาหลายคดี โดยนายทักษิณ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูงหลายกรณี เช่น คดีที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นพระมหากษัตริย์กรณีทำบุญในพระอุโบสถวัดพระแก้ว ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีเมื่อปี 2549 ไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะถูกรัฐประหารพ้นจากอำนาจ
โดยล่าสุดศาลอาญาได้มีการสืบพยานในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อของเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ทั้งหมด 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์นัดในวันที่ 1, 2และ 3 กรกฎาคม 2568 นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะสืบพยานในวัน ที่ 15, 16, 22 และ 23 กรกฎาคม 2568 หลังจากนั้นศาลจะจัดทำคำพิพากษาต่อไป
ในวันที่ 1 ก.ค.68 นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าร่วมการพิจารณาคดีในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยในวันนี้เป็นการนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก
พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กล่าวว่า นายทักษิณจะเดินทางมาศาลด้วยตนเอง เนื่องจากคดีอยู่ในระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด หากมีข้อกำหนดเพิ่มเติมจากศาล ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้กระบวนการพิจารณาดำเนินไปอย่างราบรื่น
สำหรับในประเด็นการขอยื่นพิจารณาคดีลับหลัง ทนายความ ระบุว่า ตามกฎหมายสามารถทำได้เฉพาะคดีที่มีโทษไม่เกิน 10 ปี ซึ่งคดีนี้มีโทษสูงกว่าเกณฑ์ดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม หากจำเลยมีทนายความส่วนตัว ก็อาจสามารถยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังได้ แต่ในเบื้องต้น นายทักษิณยังคงประสงค์จะเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาด้วยตนเอง
ส่วนคดีนี้มีการนัดสืบพยานทั้งหมด 7 นัด โดยทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยได้รับแจ้งนัดไว้ฝ่ายละ 4 นัด และคาดว่ากระบวนการพิจารณาอาจสิ้นสุดก่อนถึงนัดสุดท้าย ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้
สำหรับประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่คลิปวิดีโอซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ โดยในวันนี้จะมีการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของคลิป และตรวจสอบกระบวนการจัดเก็บหลักฐาน โดยจะดำเนินการตรวจพิสูจน์ในอาคารวิทยาศาสตร์และอิเล็กทรอนิกส์ของศาล ซึ่งทั้งหมดจะนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลตามหลักเกณฑ์กฎหมาย เพื่อวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
ซึ่งผู้ที่เข้ารับฟังการพิจารณาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี (น้องเขยทักษิณ) , น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์(บุตรสาวคนรอง) และทีมทนาย
ด้านนายสมชาย ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า “วันนี้มาให้กำลังใจในฐานะประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น” พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว และมองว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของทีมทนายความฝ่ายจำเลย ที่จะพิจารณาและเสนอรายชื่อพยานต่อศาลตามดุลยพินิจและกลยุทธ์ทางคดี
นายวิญญัติ ย้ำว่า ศาลใช้การพิจารณาลับ ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก แต่ไม่สามารถบอกชื่อได้ สำหรับเรื่องคลิปเสียง ก็อยู่ในกระบวนการพิจารณา เมื่อศาลสั่งพิจารณาลับถ้าพูดอะไรก็จะเป็นการผิดข้อกำหนด และไม่ดีต่อรูปคดี
อย่างไรก็ตามนายทักษิณ ทราบแล้วว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่ก็ไม่มีอาการตกใจใดๆ เหมือนเมื่อเช้า ดูสบายๆ และยืนยันว่า นายทักษิณ ไม่หนักใจในเรื่องคดีตั้งแต่แรก เพราะท่านถูกกระทำตกเป็นเหยื่อ และไม่สมควรจะถูกฟ้องตั้งแต่แรก
ส่วนวันที่ 2 ก.ค. 68 ด้มีการสืบพยานโจทก์นัดที่ 2 ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้ขึ้นสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว 3 ปาก และมีบางประเด็นที่นายทักษิณ ถามความด้วยตัวเอง สำหรับคดีนี้ ศาลออกข้อกำหนดให้พิจารณาลับ จึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลกระบวนการพิจารณาได้ และการสืบพยานจำเลย จะเป็นวันที่ 15 กรกฎาคม
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลเพื่อร่วมรับฟังการไต่สวนนัดที่2 ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฎิบัติหน้าที่นั้น ใครเป็นคนบอกทางด้านนายทักษิณ นายสมชาย บอกว่า นายทักษิณทราบก่อนเข้าห้องพิจารณาช่วงบ่ายแล้ว ก็เป็นเรื่องของศาล เท่าที่สังเกตนายทักษิณปกติ ไม่ได้มีความกังวลอะไร แต่ตนกับนายทักษิณไม่ได้คุยอะไรกัน
โดยส่วนตัวมองว่านายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เพื่อชาติ เพื่อประชาชนดีที่สุดแล้ว และก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเสียหาย แต่ว่าเรื่องของศาลก็ตนเคารพคำวินิจฉัย ไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร
สำหรับ วันที่ 3 ก.ค. 68 ที่เป็นการนัดสืบพยานโจทก์นัดที่ 3 และเป็นนัดสุดท้าย นายวิญญัติทนายความ ระบุว่า วันนี้จะสืบพยานฝั่งโจทก์ทั้งหมด 3 ปาก ด้านนายทักษิณก็เดินทางมาด้วยตนเองเช่นเดิม เพราะนายทักษิณประสงค์ที่จะเข้ารับฟังการสืบพยานอยู่แล้ว และเป็นหน้าที่ที่จำเลยจะต้องเข้ามารับฟัง
นายวิญญัติ ย้ำว่า เรื่องนี้ยังเหลือกระบวนการที่ทางจำเลยจะต้องนำพยานเข้าสืบ โดยมีอยู่หลายปาก ถามว่ามีความหนักใจอะไรหรือไม่ ในเรื่องของข้อกล่าวหาเป็นเรื่องที่ชวนสังเกตว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นข้อกล่าวหาที่ใช้ในเชิงทางการเมืองไปแล้ว และยืนยันว่าท่านทักษิณเป็นเหยื่อทางการเมือง ไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งแต่ต้น
โดยช่วงเย็นนายวิญญัติ ทนายความ เปิดเผยหลังสืบพยานฝ่ายโจทก์ปากสุดท้ายเสร็จสิ้น ว่า หลังจากนี้จะเป็นการสืบพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งได้เตรียมไว้ทั้งหมด 14 ปาก แต่จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะใช้ทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งศาลได้นัดหมายวันที่ 15 กรกฎาคม แต่ในวันดังกล่าวตนเองติดว่าความคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ตนจึงแถลงขอเลื่อนต่อศาลขอยกเลิกนัดในวันดังกล่าวเป็นวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งศาลอนุญาต โดยทีมทนายจะบริหารจัดการสืบพยานจำเลยทั้งหมดให้ได้ภายใน 3 นัด จากเดิม 4 นัด และหากสืบพยานนัดสุดท้ายเสร็จสิ้นคาดว่าจะมีการแถลงปิดคดี ส่วนศาลฯ จะมีคำพิพากษาภายในปีนี้หรือไม่ตนเองขอไม่ก้าวล่วง
ส่วนในวันพรุ่งนี้ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานซึ่งเป็นแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ประมาณ 4-5 ปาก นายทักษิณไม่ได้เดินทางไปด้วย แต่ได้มอบหมายให้ตนเองไปทำหน้าที่แทน
ส่วนคดีในวันพรุ่งนี้( 4 ก.ค. 68) ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำลังไต่สวน กรณีบังคับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฯ ที่มีการนำตัวนายทักษิณไปอยู่รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ต่อเนื่องจนกระทั่งถูกปล่อยตัวกลับบ้าน ไม่เป็นไปตามหมายจำคุก 3 คดี (ทุจริตเอ็กซิมแบงก์ หวยบนดิน หุ้นชินฯ) หรือไม่
ซึ่งคดีนี้กำลังอยู่ระหว่างการไต่สวน โดยวันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) ก็มีนัดไต่สวน และต่อเนื่องไปอีก ตามที่ศาลสั่งเรียกตัวพยานเข้าไต่สวนเพิ่มเติมกว่า 20 ปากไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่เป็นผู้ดำเนินการส่งตัวทักษิณเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ซึ่งด้านนายวิญญัติ ทนายความ ระบุว่า ไม่มีความกังวลใจ ยืนยันว่าที่ผ่านมานายทักษิณป่วยจริงและเข้าสู่กระบวนการรับโทษจริงซึ่งมีการพิสูจน์ทราบอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าศาลฯ จะมีดุลยพินิจในเรื่องนี้อย่างไร